สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่อนหนังสือถึงประธานสภาทนายฯทุกจังหวัด ขอให้ช่วยเหลือบุคคลที่ถูกดำเนินคดีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ชี้เป็นเรื่องเร่งด่วน-มีคนได้รับผลกระทบมาก แนบคำพิพากษาศาลฎีกามาเป็นแนวทางด้วย
................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2564 นายถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ทำหนังสือถึงประธานสภาทนายความจังหวัดทุกจังหวัด ขอให้ความช่วยเหลือคดีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยระบุรายละเอียดว่า ตามที่กรมบัญชีกลางมีหนังสือให้เรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (เงินสงเคราะห์) รวมดอกเบี้ยจากราษฎร กรณีต่าง ๆ จำนวนหลายราย โดยสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีเร่งด่วน และเนื่องจากคาดว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก
สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นว่า ผู้ที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าวกระทำโดยสุจริตไม่ได้เจตนากระทำผิด เพียงแต่อาจไม่ทราบเงื่อนไขหลักเกณฑ์การรับเงิน เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก่ประชาชนที่เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงมีคำสั่งที่ 7/2565 ลงวันที่ 26 ม.ค. 2564 แต่งตั้งคณะทำงานช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีเกี่ยวกับผู้สูงอายุและด้านอื่น ๆ จึงแจ้งมาเพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวในการให้คำปรึกษาในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมถึงการช่วยเหลือดำเนินคดีกับประชาชนในจังหวัด แล้วรายงานผลให้สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ทราบโดยด่วน
ทั้งนี้สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ แนบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10850/2559 ที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวมาด้วย โดยในคำพิพากษาระบุสาระสำคัญว่า จำเลยที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าว แม้ไม่มีสิทธิรับเงิน แต่เมื่อได้ความว่า จำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญไว้โดยสุจริต และนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่จะมีการเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage