SCA มีมติเลื่อนการพิจารณาผลประเมินสถานะจาก B เป็น A ของ กสม. ไปอีก 18 เดือน ประธาน กสม. ขอทุกฝ่ายหนุนแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายที่ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนในความเป็นอิสระ
...............................
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ดำเนินการเข้ารับการประเมินเพื่อขอเลื่อนสถานะจาก B เป็น A ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 และได้เข้ารับการสัมภาษณ์แบบทางไกลเพื่อประกอบการประเมินสถานะของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับคณะอนุกรรมการประเมินสถานะ (Sub-Committee on Accreditation: SCA) ภายใต้กรอบความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (Global Alliance for National Human Rights Institutions: GANHRI) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 นั้น
ต่อมา เลขานุการคณะอนุกรรมการ SCA ได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แจ้งมติของ SCA ให้เลื่อนการพิจารณาการประเมินสถานะของ กสม. ไทยออกไปเป็นเวลา 18 เดือน ซึ่งจากการหารือทางไกลกับนาย Phillip Wardle ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายของเครือข่ายความร่วมมือสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia Pacific Forum of National Human Rights Institutions: APF) ซึ่งมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่สมาชิกสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ยืนยันกับตนว่า การเลื่อนการพิจารณานั้น ถือเป็นท่าทีที่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เคยมีมาของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั่วโลกที่ขอเข้าประเมินเลื่อนสถานะจาก B เป็น A ในสถานการณ์เช่น กสม. เพราะ SCA ได้พิจารณาถึงการดำเนินงานในช่วงหลังของ กสม. รวมถึงการตอบข้อข้องใจหลายประการของ SCA เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ กสม. ในระหว่างการสัมภาษณ์ นาย Wardle แจ้งว่า การเลื่อนการพิจารณาออกไปก็เพื่อให้ กสม. ได้มีโอกาสดำเนินการแก้ไขข้อห่วงกังวลบางประเด็นของ SCA เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งเชิงสถาบันและประสิทธิผลตามหลักการเกี่ยวกับสถานะของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ หลักการปารีส (Paris Principles) มากยิ่งขึ้น
นาย Wardle ได้แจ้งเพิ่มเติมด้วยว่า ปัญหาที่สำคัญที่ทำให้ต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปนั้น คือ หน้าที่และอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 247 (4) ที่กำหนดให้ กสม. ต้องชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องโดยไม่ชักช้าในกรณีที่มีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เคยปรากฏว่ามีสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติใดที่กฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่ในลักษณะดังกล่าวโดย SCA มีความกังวลว่าบทบัญญัติดังกล่าวจะลดทอนความเป็นอิสระที่แท้จริงหรือที่สาธารณะรับรู้ (actual or perceived independence) ดังนั้น ในระยะเวลา 18 เดือน SCA หวังว่า กสม. จะได้ดำเนินการอย่างเต็มกำลังที่จะให้มีการยกเลิกบทบัญญัติข้อดังกล่าว
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเกี่ยวกับบทบาทของ กสม. ในการไกล่เกลี่ย ซึ่ง SCA มีความเห็นว่า หาก กสม. สามารถแสวงหาข้อยุติที่เป็นมิตรและเป็นความลับผ่านกระบวนการแก้ไขทางเลือกอื่น ซึ่งรวมถึงอำนาจในการแสวงหาข้อยุติของข้อพิพาทโดยสมานฉันท์ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ย จะช่วยให้ กสม. ได้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินงานของ กสม.
นางประกายรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กสม. ก็ได้เคยแสดงความห่วงกังวลและมีหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า บทบัญญัติตามมาตรา 247 (4) อาจไม่สอดคล้องกับหลักการปารีส แต่ไม่ประสบผล อย่างไรก็ดี ทั้งก่อนการให้สัมภาษณ์กับ SCA และหลังจากทราบความเห็นของ SCA ก็ได้มีการติดต่อประสานงานไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในระดับต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับทราบร่วมกันถึงข้อห่วงกังวลของสากล เพื่อร่วมกันสนับสนุนให้ กสม. อันถือเป็นสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสามารถคืนกลับสู่สถานะ A โดยการยกเลิกมาตรา 247 (4) อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในประเทศและสังคมโลกในการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม.
“กสม. ชุดปัจจุบันซึ่งถือเป็นชุดรักษาการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 และตนในฐานะผู้ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดที่จะให้ กสม. กลับคืนสู่สถานะ A และโดยที่ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการสรรหาและแต่งตั้ง กสม. ชุดใหม่ จึงหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้รีบดำเนินการ และหลังจากที่ กสม. ชุดรักษาการพ้นหน้าที่ไปแล้ว ตนขอฝากไปยังฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ตลอดจนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะได้มาโดยไม่ล่าช้า ได้ช่วยกันผลักดันให้มีการแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมายที่ทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนในความเป็นอิสระขององค์กรโดยเร็ว เพราะแม้ SCA จะเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 18 เดือน แต่องค์กรต้องส่งเอกสารสำหรับการพิจารณาให้กับ SCA ใหม่ ภายในเดือนตุลาคมปีนี้ กสม. ชุดนี้จึงขอฝากภารกิจสำคัญนี้ไว้ด้วย” นางประกายรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย