ธปท.ผ่อนคลายการทำธุรกรรม ‘เงินบาท’ ภายใต้โครงการ ‘NRQC’ เพิ่มความคล่องตัวบริหารความเสี่ยง ไม่จำกัดยอดคงค้าง ‘บัญชีเงินบาท’ ของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ ลดความต้องการกู้ยืมเงินบาท
..................
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ผ่อนคลายให้นิติบุคคลต่างประเทศสามารถทำธุรกรรมเงินบาทกับสถาบันการเงินในประเทศ (onshore) ได้คล่องตัวขึ้น ภายใต้โครงการ Non-resident Qualified Company (NRQC) โดยนิติบุคคลต่างประเทศต้องมีภาระการรับหรือจ่ายเงินบาทจากการค้าและการลงทุนโดยตรงในประเทศไทย และไม่ประกอบธุรกิจด้านการเงินและทองคำ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์ ดังนี้
1.สามารถบริหารความเสี่ยงค่าเงินบาทได้สะดวกและคล่องตัวขึ้น โดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐาน และมีขอบเขตการทำธุรกรรมที่กว้างขึ้น เช่น การทำธุรกรรม Swap หรือ Forward ด้วยการใช้ประมาณการรายรับรายจ่ายในอนาคต หรือใช้งบการเงินโดยรวม (balance sheet hedging)
2.สามารถบริหารสภาพคล่องเงินบาทได้คล่องตัว โดยไม่จำกัดยอดคงค้างบัญชีเงินบาท สำหรับผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-resident Baht Account : NRBA) จากเดิมจำกัดยอดคงค้างไว้ไม่เกิน 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการข้างต้นจะทำให้นิติบุคคลต่างประเทศ สามารถทำธุรกรรมเงินบาทกับสถาบันการเงินในประเทศได้สะดวกมากขึ้น ส่งผลให้ความจำเป็นในการกู้ยืมเงินบาทลดลง ธปท. จึงได้ปรับลดวงเงินคงค้างการปล่อยสภาพคล่องเงินบาทของสถาบันการเงินในประเทศแก่บุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศแบบไม่มีภาระ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทำธุรกรรมในประเทศภายใต้โครงการ NRQC อีกด้วย
การดำเนินการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (FX ecosystem) ผ่านการปรับโครงสร้างการทำธุรกรรมเงินบาทในประเทศ ซึ่งจะเพิ่มทั้งจำนวนผู้ทำธุรกรรมโดยเฉพาะนิติบุคคลต่างประเทศ และสภาพคล่องของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศ รวมถึงเอื้อต่อการติดตามข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
อ่านประกอบ :
‘แบงก์ชาติ’ ยันดูแลค่าเงินใกล้ชิด หลัง ‘ดอลลาร์อ่อน’ กดดัน ‘บาท' แข็งสุดในรอบปี
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage