ครม. ไฟเขียวให้วีซ่านักท่องเที่ยวระยะยาว พำนักใน ปท.ไม่เกิน 90 วัน หวังช่วยภาคการท่องเที่ยว เชื่อสร้างรายได้ 1,200 ล้าน/เดือน ชี้ ผู้ขอวีซ่าต้องยึดมาตรการป้องกันโควิด-กักตัว 14 วันเคร่งครัด
.....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้มีการอนุมัติรับหลักการในการขอรับวีซ่านักท่องเที่ยวประเภทพิเศษเพื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย หรือเรียกว่า Special Tourist Visa หรือ STV ซึ่งเป็นข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยชาวต่างชาติผู้ที่มีสิทธิขอรับวีซ่าชนิดนี้จะต้องเป็นบุคคลต่างด้าวที่มีความต้องการจะเข้าพักเป็นระยะยาวในประเทศไทย ต้องเป็นผู้ที่ยินยอมตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข คือการกักตัว 14 วัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือโรงพยาบาล และจะต้องมีหลักฐานการเข้ากักตัวอย่างชัดเจน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า ผู้ที่จะขอวีซ่าแบบ STV นั้นจะต้องมีการซื้อหรือเช่าสถานที่อยู่ในประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยผู้ที่จะขอวีซ่าดังกล่าวนั้นจะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการลงตราวีซ่าเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,000 บาท และจะสามารถอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นระยะเวลา 90 วัน ซึ่งพอครบกำหนดเวลา 90 วันแล้วจะสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสามารถที่จะอนุญาตให้ต่อระยะเวลาวีซ่าได้อีกเป็นจำนวน 2 ครั้ง โดยจะต้องยื่นคำขอตามแบบและเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด โดยหลักเกณฑ์นี้คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ต.ค.และจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564 คาดว่าจะมีการให้วีซ่า STV แก่ชาวต่างชาติได้ประมาณสัปดาห์ละ 100-300 คน หรือประมาณ 1,200 คนต่อเดือน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อเดือน
“จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปเข้ามาในราชอาณาจักรได้ จึงมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะพักแบบลองสเตย์ที่มีศักยภาพก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อช่วยภาคธุรกิจและภาคการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะขอวีซ่าประเภทนี้ก็จะต้องมีการประสานงานกับบริษัทที่ขึ้นทะเบียนกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อที่จะประสานในเรื่องเอกสารต่อไป” น.ส.ไตรศุลีระบุ
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage