นายกฯ สั่งเคลียร์ปม แบน 3 สารเคมีเกษตร ยันไม่กระทบการทำงานพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ 'อนุทิน' ย้ำจุดยืน 3 เสียง สธ.พร้อมโหวตโน หาก กก.วัตถุอันตราย ถกทบทวนเลิกแบนสารพิษ
--------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงจุดยืนเรื่องการยกเลิกใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซต ที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงนามให้ทบทวนการยกเลิกใช้ดังกล่าวในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ว่า เรื่องนี้จะไม่กระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการทำงานมีความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นต้องพยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าคิดต่างกันก็ต้องฟังเหตุผล เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง ยืนยันรัฐบาลจะต้องเลือกวิธีที่ดีที่สุด เพื่อชีวิตของเกษตรกร ความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยยึดประชาชนเป็นลำดับต้น ๆ ของภารกิจ ผู้รับผิดชอบแต่ละส่วนจะต้องจัดการหรือเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้ชัดเจนในการดำเนินการไม่ให้เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ยึดสวัสดิภาพของประชาชนเป็นที่ตั้งว่าการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่านทำได้ทันที หรือเป็นขั้นตอน เพราะต้องฟังหลายส่วนทั้งภาคการเกษตรและเกษตรกรให้เกิดความปลอดภัย จะต้องหารือและปฎิบัติหน้าที่ด้วยความจริงจัง ตามมติต่างๆ ที่ออกมา
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีการพูดกันเรื่องนี้ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่ต้องกังวล เพราะยังไม่ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงสารพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอสถูกแบนไปเรียบร้อยแล้ว และเท่าที่ทราบกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศเป็นกฎกระทรวงออกมาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรก็ตามตนได้พบกับนายเฉลิมชัยแล้ว โดยบอกว่ามีคนร้องเรียนผ่านท่านมา และท่านก็ผ่านเรื่องเสนอให้เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่แน่ใจว่าจะมีการทบทวนเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากส่วนในของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะพิจารณาทบทวน ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการวัตถุอันตราย สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงจุดยืนไป เรายังคัดค้านการใช้สารเคมีเหล่านี้เพื่อการเกษตร แต่ก็ยังมีความพยายามของผู้ประกอบการ ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหา แต่คิดว่าคงไม่มีใครพิจารณาเข้าๆ ออกๆ ของอันตรายก็คือของอันตราย ไม่มีทางกลับไปเป็นของที่ปลอดอภัยได้ และเชื่อว่า ยุคนี้ สมัยนี้ คงไม่มีใครเอาของอันตรายไปให้ประชาชนและเกษตรกรใช้ ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน จึงต้องจัดเตรียมข้อมูลให้มากที่สุด และคนที่แถลงจุดยืนเมื่อวานก็ไม่ใช่ตัวของรัฐมนตรี แต่เป็นทีมแพทย์ที่กำกับดูแลหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งยืนยันว่าเป็นอันตราย
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้ต้องรอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการและเลขานุการว่าจะบรรจุเป็นวาระการประชุมหรือไม่ ซึ่งใครก็สามารถเสนอเรื่องได้ แต่จะโหวตหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีคณะกรรมการร่วมอยู่เพียง 2 คนจากคณะกรรมการทั้งหมด 27 คน และยืนยันว่าเราโหวตโนแน่นอน เพราะยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้สารดังกล่าว ใครจะมาว่าเราไม่ได้
เมื่อถามว่า นายกฯได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีการคุยกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จบที่คณะกรรมการฯ ไม่ได้จบที่ ครม. ส่วนเรื่องที่ต้องหาสารอื่นมาทดแทนก็เป็นเรื่องของกรมวิชาการการเกษตรที่ต้องไปคิดค้น และหาสิ่งมาทดแทน แต่จะมาบอกว่า การใช้สารพิษจะทำให้ต้นทุนลดลง เช่น เรื่องค่าแรง และการปลูก แต่ตนเชื่อว่าต้นทุนในการรักษาพยาบาลนั้นจะมากกว่าหลายเท่าที่ใช้เงินเป็นแสนเป็นล้านบาท และอวัยวะที่สูญเสียไป จะนำที่ไหนมาคืน อย่าคิดเพียงต้นทุนการผลิตอย่างเดียว ให้คิดถึงต้นทุนทางสังคม และการรักษาพยาบาลด้วย ถามว่ามันคุ้มค่าหรือไม่
อ่านประกอบ :
ยันผลวิจัยพิษ ‘พาราควอต’! ทำเด็กสติปัญญาลด-ประสิทธิภาพกล้ามเนื้อน้อยลง
ไทยแพนยื่นร้องสอด คดีซินเจนทาฟ้องศาลเพิกถอนประกาศแบนพาราควอต-คลอร์ไพริฟอส
ดีเอสไอตรวจค้นผู้ประกอบการชีวภาพอินทรีย์ ปนพาราควอต –ไกลโฟเซต ขายกว่า 20 ล้านบาท
เริ่มเเล้ว! 1 มิ.ย. เเบน 'พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส' เกษตรกรต้องส่งคืนภายใน 29 ส.ค.
ราชกิจจาฯ เเพร่ประกาศ ก.อุตฯ เเบนพาราควอต-คลอร์ไพริฟอส ตั้งเเต่ 1 มิ.ย. 63
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/