ตัวแทนเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือไทยแพนใช้สิทธิร้องสอด ขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในคดีบริษัท ซินเจนทาฯ ผู้นำเข้าสารเคมี ยื่นฟ้อง ก.อุตสาหกรรมและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย-เสนอข้อมูลผลกระทบ 2 สารพิษอันตราย หวังศาลคุ้มครอง
..........................
วันที่ 18 สิงหาคม 2563 ศาลปกครองกลาง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและมูลนิธิชีววิถี ในฐานะตัวแทนเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thailand Pesticide Alert Network: Thai-PAN) เครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มนักวิชาการหลากหลายสาขาที่ศึกษาติดตามข้อมูลผลกระทบจากการใช้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส ได้ใช้สิทธิร้องสอด ขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในคดีหมายเลขดำที่ ส.12/2563 ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม
ผู้ฟ้องคดีคือ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด
ผู้ถูกฟ้องคดีคือ 1. กระทรวงอุตสาหกรรม, 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, 3. คณะกรรมการวัตถุอันตราย, 4. กรมวิชาการเกษตร, 5. อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
ผู้ร้องสอดได้แก่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ผู้ร้องที่ 1, มูลนิธิชีววิถี ผู้ร้องที่ 2
ทั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมจากที่หน่วยงานราชการชี้แจงต่อศาลปกครอง เพื่อให้ผลคำพิพากษานำไปสู่การคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ผู้บริโภค เกษตรกร และปกป้องประโยชน์ของสาธารณะและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
การใช้สิทธิร้องสอด สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2563 กำหนดให้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมร้ายแรง เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามมิให้มีการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน หรือการมีไว้ในครอบครอง โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นมานั้น ปรากฏว่า บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด บริษัทผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสารเคมีการเกษตรรายใหญ่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้ยื่นฟ้องกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องรวม 5 รายต่อศาลปกครองกลาง โดยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2563 และคำสั่งกรมวิชาการเกษตร ที่ 750/2563 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะมีผลให้สามารถมีการนำเข้าและจำหน่ายสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสได้ต่อไป ทั้งๆที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เองได้ห้ามใช้พาราควอตมากว่า 20 ปีแล้ว
ที่ผ่านมา ตัวแทนเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thailand Pesticide Alert Network: Thai-PAN) ได้รณรงค์สื่อสารข้อมูลต่อสาธารณะและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เห็นว่าการออกประกาศแบนสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับข้อมูลวิชาการความเป็นอันตรายร้ายแรงและผลกระทบจากการใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิด ตรงตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 18 แล้ว คือ “เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจมีแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม” กับทั้งหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงสาธารณสุข สภาเกษตรกรแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ตรวจการแผ่นดิน และแพทยสภา ก็ได้มีความเห็นข้อเสนอตรงกันให้แบนสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส
ภาพ : Thai-Pan
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage