ธปท.ร่วมมือ สสว.-ธสน.-แบงก์พาณิชย์-ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ’ เปิดโครงการส่งเสริมความรู้ ‘บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน’ หนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ พร้อมสนับสนุนวงเงินค่าธรรมเนียมรวม 1 แสนบาทต่อกิจการ
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สมาคมธนาคารไทย สถาบันธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จัดทำ ‘โครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ’
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดและผ่านการอบรมจะได้รับโอกาสทดลองใช้เครื่องมือ ‘การประกันค่าเงิน’ หรือ FX options เหมือนเช่นโครงการก่อน
แต่จะมีขนาดวงเงินค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเป็น 80,000 บาทต่อกิจการ รวมถึงผู้ประกอบการที่มีการส่งออกหรือนำเข้าในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ ยูโร เยน หยวน ปอนด์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์สิงคโปร์ ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานในการซื้อ FX options ภายใต้โครงการนี้ได้ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการนี้ยังจะได้รับวงเงินสนับสนุนค่าธรรมเนียมการค้าระหว่างประเทศ (Trade-related fees) จำนวน 20,000 บาทต่อกิจการ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความสนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งการเข้าอบรมจะดำเนินการทั้งผ่านช่องทาง Online และช่องทาง e-Learning เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ที่ยังมีความไม่แน่นอน
สำหรับรายละเอียดต่างๆของโครงการดังกล่าวมีดังนี้
1.คุณสมบัติ SMEs ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ
-เป็นผู้ส่งออก และ/หรือนำเข้า โดยกรณีธุรกิจการผลิต รายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี และกรณีภาคการค้าส่ง/ค้าปลีก/บริการ รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี
-เป็นสมาชิก สสว.
-ผู้เข้าอบรมต้องเป็นเจ้าของหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจทำธุรกรรมทางการเงิน (ผู้บริหารสูงสุดทางด้าน การเงิน (CFO) หรือเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำธุรกรรมกับธนาคาร) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทำธุรกรรมทางการเงิน (มีหนังสือมอบอำนาจ) ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทุกรายสมารถข้าอบรมได้ แต่ผู้ที่จะได้รับวงเงินต้องเข้าเงื่อนไขการได้วงเงิน
2.คุณสมบัติ SMEs ที่เข้าเงื่อนไขการได้วงเงิน
-มีคุณสมบัติตามข้อ 1
-เข้าร่วมการอบรม e-leaning ครบทุกหัวข้อ หรือเข้าร่วมการอบรม online (บรรยายสด/วีดิทัศน์)
-ทำแบบประเมินลูกค้า (client suitability assessment) และทราบรายละเอียดการประกันค่าเงินภายใต้โครงการ (term sheet) ครบถ้วน
3.สิทธิประโยชน์ที่ SMEร จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ
-วงเงินค่าธรรมเนียม Options 80,000 บาทต่อราย
-วงเงินค่าธรรมเนียมการค้าระหว่างประเทศ (Trade-Related Fees) 20,000 บาทต่อราย
4.รายละเอียดและเงื่อนไขการรับเงินสนับสนุนค่าธรรมเนียม Trade-Related Fees
-แสดงใบเสร็จอันเนื่องมาจากการทำธุรกรรมใช่วงระยะเวลาโครงการ (24 ส.ค. 63 -30 ธ.ค. 63)
-ใช้ได้จนครบวงเงิน หรือภายในวันที่ 30 ธ.ค. 63
-ใช้บริการกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไท ร.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.ทหารไทย ธ.ยูโอบี ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่ประเทศไทย ธ.ออมสิน ธ.อาคารสงเคราะห์ ธ.พัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และ ธ.อิสลามแห่งประเทศไทย
5.รายละเอียดและเงื่อนไขการรับเงินสนับสนุนค่าธรรมเนียม Options
-ไม่สามารถซื้อขาย เปลี่ยนมือ แลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
-สามารถใช้กับสกุลเงินค่าสินค้าและบริการ (Underlying) ดังนี้ USD EUR JPY GBP CNY SGD AUD (ตามการให้บริการของแต่ละธนาคาร)
-ซื้อ FX option ได้ถึง 30 พ.ย. 63 โดยสามารถ execise สัญญาภายในวันที่ 30 ธ.ค. 63
-มี 3 อายุสัญญา ได้แก่ 1, 3, 6 เดือน
-ใช้บริการกับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ร.กรุงไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย ธ.ชีไอเอ็มบี ไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.ทหารไทย ธ.ยูโอบี
อ่านประกอบ :
ไม่มุ่งหวังบิดเบือนเพื่อการค้า! ธปท.ยันจำเป็นดูแลเสถียรภาพ ‘ค่าเงิน’ ลดความผันผวน
ฟันธง 2 ปีเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ! ‘วิรไท’ ห่วงนศ.จบใหม่ไม่มีงานทำ-'ปธ.ทีดีอาร์ไอ' แนะตุนเงินสด
ธปท.พบนักวิเคราะห์! ‘วิรไท’ มองเศรษฐกิจฟื้นไตรมาส 3-เชื่อโควิดไม่ระบาดรอบ 2 ในไทย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/