ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง ‘ชำนาญ รวิวรรณพงษ์’ อดีต ปธ.แผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ขอให้วินิจฉัยประธานศาลฎีกาออกคำสั่งให้พ้นราชการ ชี้กระทำถูกต้องตาม กม.-มติ ก.ต. ศาล รธน.ไม่มีอำนาจรับ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยยื่นอุทธรณ์-ฟ้องศาลยุติธรรมได้
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2563 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูย เผยแพร่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไม่รับคำร้องของนายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ที่ขอให้วินิจฉัยการกระทำของประธานศาลฎีกาที่ออกคำสั่งให้พ้นจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญว่าเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และการที่นำการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อให้ทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากราชการเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การกระทำของประธานศาลฎีกาที่ถูกร้องเป็นการกระทำในฐานประธานกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่บริหารงานบุคคลเกี่ยวกับผู้พิพากษาของศาลยุติธรรม จึงเป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของ ก.ต. ที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561มาตรา 47(6) บัญญัติไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา
การที่ประธานศาลฎีกานำความกราบบังคับทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้นายชำนาญพ้นจากราชการเป็นผลมาจากคำสั่งซึ่งเป็นไปตามมติของ ก.ต.ให้พ้นจากราชการอันเป็นกระบวนการที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น หากนายชำนาญไม่เห็นด้วยกับมติ ก.ต. สามารถใช้สิทธิร้องขอให้ ก.ต.ทบทวนมติดังกล่าวโดยการอุทธรณ์ ร้องทุกข์ หรือร้องขอให้พิจารณาใหม่ ซึ่งเป็นระบบการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการใช้อำนาจของก.ต.ที่เป็นระบบการตรวจสอบภายในโดยผู้ออกมติหรือคำสั่ง การกระทำของประธานศาลฎีกาดังกล่าวจึงไม่เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของนายชำนาญตามที่อ้าง จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2561มาตรา 46 วรรคหนึ่ง นายชำนาญจึงไม่อาจยื่นคำร้องกรณีดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้
ส่วนที่นายชำนาญขอให้วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม 2543 ที่ไม่กำหนดสิทธิในการอุทธรณ์มติหรือคำสั่งของก.ต.และมาตรา 83 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 มาตรา 27 มาตรา 188 วรรคสอง มาตรา 190 และมาตรา 196 นั้น เห็นว่าคำกล่าวอ้างของนายชำนาญสืบเนื่องมาจากคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 1531/2562 ลงวันที่ 27 พ.ย.62ที่ให้นายชำนาญพ้นจากราชการตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม 2543มาตรา 12 วรรคสอง ประกอบพ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส 2542 มาตรา 6 มาตรา 6/1 และมาตรา 7 จึงไม่ใช่กรณีที่นายชำนาญได้รับความเสียหายจาการถูกลงโทษทางวินัยตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม 2543 ที่มาตรา 83 กำหนดขั้นตอน กระบวนการทบทวนคำสั่งลงโทษทางวินัยของ ก.ต.ไว้ชัดเจน แต่เป็นกรณีได้รับความเสียหายจากมติอื่นของ ก.ต.มีสิทธิร้องทุกข์ต่อ ก.ต.ภายใน2 ปีนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่งหรือรับทราบมติ เพื่อขอให้ทบทวนมติได้ และคำวินิจฉัยของ ก.ต.ให้เป็นที่สุด
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องเป็นกรณีตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม 2543 มาตรา 84 ที่กำหนดขั้นตอนการใช้สิทธิขอให้ทบทวนโดยการร้องทุกข์ต่อ ก.ต. แม้จะเป็นการทบทวนโดยผู้ออกคำสั่งหรือมติก็ตาม ก็ถือว่าเป็นไปตามหลักการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการใช้อำนาจของ ก.ต.แล้ว หากนายชำนาญไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณาของ ก.ต. ก็สามารถใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ตามมาตรา 194 ได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/