'หมอระวี' พรรคพลังธรรมใหม่ ยื่นหนังสือถึง อสส. ระบุ 5 เหตุผลสมควรอุทธรณ์คดีฟอกเงิน 'พานทองแท้' ชี้รับว่าได้รับเงิน 10 ล้านจาก 'วิชัย กฤษดาธานนท์' เส้นทางเงินโอนเปลี่ยนมือหลายทอดเป็นส่วนหนึ่งจากแบงก์กรุงไทย แถมคดีมีความเห็นแย้งผู้พิพากษา
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2563 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ มอบหมายให้นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ และนายเจษฎา ศรีสุข ทนายความและผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส. (นพ.ระวี มาศฉมาดล) เดินทางมายื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่ ถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ขอให้พิจารณาอุทธรณ์คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร ที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้อง อัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำความเห็นแย้งให้อุทธรณ์คดี
โดยหนังสือดังกล่าวสรุปได้ว่า พรรคพลังธรรมใหม่ขอเรียกร้องขอให้พนักงานอัยการได้ทบทวนยื่นอุทธรณ์คดี ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. กรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร ให้การว่าเงินจำนวน 10 ล้านบาทที่รับมาจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ได้เปลี่ยนสภาพเงินที่ได้รับจากการทุจริต กลายเป็นได้จากการขายหุ้นและโอนมาหลายทอด จึงพ้นขั้นตอนของการฟอกเงิน และเปลี่ยนสภาพเป็นเงินดี เป็นความเข้าใจเอาเองของนายพานทองแท้ แต่เงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่นายวิชัยโอนให้แก่นายพานทองแท้แทนนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย เส้นทางการเงินและโอนเปลี่ยนมือมาหลายทอด เป็นส่วนหนึ่งของเงินที่นายวิชัยกับพวกได้รับมาจากธนาคารกรุงไทย จากการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานโจทก์ว่า เงินจำนวน 10 ล้านบาท เป็นเงินที่มาจากความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 3 (4) (5)
2. เงินจำนวน 10 ล้านบาทที่นายพานทองแท้รับโอนมาจากนายวิชัย ไม่ใช่เป็นเงินที่นายพานทองแท้รับมาชำระหนี้แต่อย่างใด ขณะที่นายพานทองแท้ได้เคยเบิกความต่อศาลว่าไม่เคยร่วมประกอบธุรกิจใดกับนายวิชัย จึงไม่มีเหตุที่นายวิชัยจะต้องโอนเงินจำนวนมากให้แก่ตน แต่กลับเป็นนายพานทองแท้ได้รับโอนเงินดังกล่าว ซึ่งไม่มีหนี้ต้องชำระตามข้อตกลง และการรับโอนเงินโดยไม่มีมูลหนี้จำนวนสูง ย่อมเป็นการตอบแทนที่มิชอบด้วยกฎหมาย เป็นลักษณะเงินให้เปล่า หรือเป็นค่าตอบแทนอย่างใดอย่างหนึ่งที่รู้เฉพาะนายวิชัย นายรัชฎา และนายพานทองแท้ อีกทั้งนายพานทองแท้ยังได้เคยเบิกความรับว่า ได้เบิกถอนเงินจากบัญชีที่รับโอนมาไปใช้จ่าย หากจำต้องคืนเงิน 10 ล้านบาทแก่นายรัชฎาผู้โอนนั้น นายพานทองแท้มีเงินสำรองจำนวนอื่นสามารถโอนคืนได้ทันที จึงแสดงให้เห็นว่า เงิน 10 ล้านบาทที่ได้โอนรับมา ได้นำไประคนปนกันกับเงินของตนเองที่อยู่ในบัญชีอื่น และนำมาใช้จ่ายส่วนตัว จึงไม่รู้ว่าเงินใดเป็นเงินปกติ เงินใดเป็นเงินผิดกฎหมาย
พฤติการณ์แห่งการกระทำของนายพานทองแท้ที่เบิกถอนเงินในลักษณะเป็นการใช้จ่ายส่วนตัวคราวละไม่มาก จึงไม่ใช่บัญชีธุรกิจที่จะใช้ในการลงทุนประกอบธุรกิจ ที่เบิกความว่าสามารถนำเงินจำนวนอื่นมาคืนเมื่อใดก็ได้ก็เป็นความผิดวิสัยของผู้ประกอบธุรกิจ และการประกอบธุรกิจปกติ พฤติการณ์จึงเป็นการรับโอน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มาแหล่งที่ตั้ง การโอนซึ่งทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำผิด นายพานทองแท้จึงรู้หรือควรรู้ว่าเงิน 10 ล้านบาทที่ได้รับมาจากนายวิชัย เป็นเงินส่วนหนึ่งของสินเชื่อธนาคารกรุงไทยที่อนุมัติให้เครือกฤษดามหานคร จึงเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 (1) (2)
3. ในคดีนี้ พนักงานอัยการได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต่อศาลเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ในวันที่ 25 พ.ค. 2563 จึงมีความจำเป็นต้องรีบอุทธรณ์ ซึ่งตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 นั้นในการอุทธรณ์คดีให้พนักงานอัยการอุทธรณ์คดีตามความเห็นของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปก่อน
4. ในคดีนี้มีองค์คณะผู้พิพากษา 2 ท่าน และมีความเห็นแย้งกัน ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าสมควรยกฟ้อง อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าสมควรจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา จึงต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 184 วางหลักว่า ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้อธิบดีผู้พิพากษาข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้นหรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละท่าน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก ถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า
“ดังนั้น พรรคพลังธรรมใหม่ขอให้พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร และดำเนินคดีจนถึงที่สุดตามกรอบของกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และให้ความกระจ่างกับสังคม พรรคพลังธรรมใหม่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พนักงานอัยการจะเร่งรัดดำเนินคดี ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป” หนังสือของพรรคพลังธรรมใหม่ ระบุ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.thaipost.net/
อ่านประกอบ :
มีประเด็นสำคัญให้ศาลสูงวินิจฉัย! ดีเอสไอชง อสส.ชี้ขาดอุทธรณ์คดีฟอกเงิน'พานทองแท้'
ไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงิน‘พานทองแท้’!อัยการสำนักศาลสูงส่งกลับดีเอสไอขอความเห็น
เบื้องหลัง!เด้ง‘กรวัชร์’กลับ ยธ.-สัญญาณดีเอสไอไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงิน‘พานทองแท้’?
เบื้องหลัง'โอ๊ค'รอด! เผยความเห็นแย้งคดีฟอกเงิน องค์คณะผู้พิพากษาให้จำคุก 4 ปี
ไม่รู้ว่าเงินจากการทำผิด! ละเอียดคำพิพากษายกฟ้อง‘พานทองแท้’คดีฟอกเงินกรุงไทย
‘พานทองแท้’รอด! ศาลยกฟ้องคดีฟอกเงินกู้กรุงไทย-เผยความเห็นแย้งควรสั่งคุก 4 ปี
EXCLUSIVE:เส้นทางเช็ค26ล.คดีฟอกเงินกู้กรุงไทย ก่อน อัยการ-DSI สั่งไม่ฟ้อง ‘โอ๊ค-แม่เลขาฯพจมาน’
ศาลนัดพิพากษาคดีฟอกเงิน 25 พ.ย.- ‘โอ๊ค’ยันคำเดิม!ได้เช็ค 10 ล.ลงขันทำธุรกิจ
ดีเอสไอ ส่งสำนวนฟ้อง 'พานทองแท้' กับพวกฟอกเงินกรุงไทย
คณะทำงานดีเอสไอสอบเพิ่ม‘โอ๊ค-พวก’ คดีฟอกเงินหลังถูกร้อง-ทั้งที่สรุปสั่งฟ้องแล้ว
ก่อน ปปง.กล่าวโทษคดีฟอกเงินกรุงไทย ขุมธุรกิจพันล.‘พานทองแท้’ ปี’59ฟัน198 ล.ขาดทุนยับ
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?
ย้อนเส้นทางคดีฟอกเงินกรุงไทย!ชื่อ‘พานทองแท้-พวก’โผล่รับเช็ค-ไม่เอ่ยถึงมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage