ประธาน กสม. วอนให้รัฐคัดกรองคนก่อนให้ไปอยู่ในอาคารในพื้นที่ควบคุมโดยใช้ชุดตรวจแบบรวดเร็ว และไม่ควรให้อยู่ในห้องพักเดียวกันเกิน 1 คน เว้นแต่เป็นคนใกล้ชิดกัน
กรณีที่มีบุคคลเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าโดยเครื่องบิน รถยนต์ หรือเรือ หรือกรณีอื่น และรัฐใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นตามเวลาและสถานที่ที่กำหนด (State Quarantine) เช่น อาคารรับรองสัตหีบ และโรงเรียนการบินกำแพงแสน นั้น
นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอความเห็นในการบริหารจัดการปัญหานี้รวม 2 ข้อ
“ข้อ 1. หลังจากผ่านกระบวนการพ่นฆ่าเชื้อสิ่งของเครื่องใช้แล้ว ก่อนเข้าพักในห้องที่กำหนด ควรทำการคัดกรองในเบื้องต้นโดยใช้ชุดตรวจแบบรวดเร็ว (rapid test kit) ซึ่งจะรู้ผลในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที หากพบบุคคลต้องสงสัย ควรที่จะต้องแยกบุคคลนั้นออกมาตรวจหาเชื้อโดยวิธีตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสแบบเข้มข้น (Reverse Transcription-Polymerase Chain Reaction : RT-PCR) ซึ่งจะรู้ผลภายในระยะเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง หากผลตรวจเป็นบวก ก็สามารถนำบุคคลนั้นไปรับการรักษาต่อไปได้อย่างทันท่วงที มิฉะนั้น อาคารที่พักในพื้นที่ควบคุมดังกล่าวจะกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด 19) ต่อไป” นายวัส กล่าว
“ ข้อ 2. ในห้องพักหนึ่งห้องควรให้พักเพียง 1 คน เว้นแต่เป็นบุคคลใกล้ชิดกัน เช่น ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทมิตรสหายที่ยินยอมพักด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย และให้ผู้ที่พักในห้องเดียวกันมีความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียด” ประธาน กสม. กล่าวในที่สุด