ศาลยุติธรรมคลอด10 ข้อกำหนด ป้องกันการแพร่เชื้อโควิดขๅต ห้ามคนเป็นไข้-เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง-คนใกล้ชิดเข้าศาล บังคับต้องสวมแมสก์-ผ่านจัดคัดกรองทุกครั้ง การพิจารณาคดีอนุญาตเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง-คู่ความ ห้ามญาติเยี่ยม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2563 โดยที่กระทรวงสาธารณสุขมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19(Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย ศาลอาญาจึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรคู่ความ และประชาชนที่มาติดต่อราชการในศาลอาญา อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการในที่สุด
อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 ศาลอาญา จึงเห็นควรกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังต่อไปนี้
1. ข้อกำหนดนี้เรียกว่า ข้อกำหนดศาลอาญา เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))
2. ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับนับถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
3. ห้ามมิให้บุคคลดังต่อไปนี้เข้ามาในอาคารศาลอาญา
3.1 บุคคลที่มีไข้ โดยวัดอุณหภูมิร่างกายเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
3.2 บุคคลที่เดินทางมาจากหรือแวะผ่าน (Transit) หรือเปลี่ยนเครื่อง (Transfer) ณ ประเทศหรือเขตการปกครองที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยยังไม่เกิน 14 วัน รวมทั้งบุคคลที่พักอาศัยในที่พักเดียวกันหรือบุคคลที่ติดต่อใกล้ชิดกับบุคคลดังกล่าวด้วย
4. ผู้ที่มาติดต่อราชการซึ่งเป็นบุคคลตามข้อ 3 หรือผู้ที่นำบุคคลดังกล่าวมา มีหน้าที่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาลทราบ ก่อนเข้าอาคารศาลอาญา
5. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์มีอำนาจตรวจสอบ เบื้องต้นก่อนเข้าอาคารศาลอาญาว่า บุคคลใดเป็นบุคคลตามข้อ 3 หรือไม่ หากบุคคลนั้นมิได้ให้ความยินยอมหรือมีข้อสงสัยว่าเป็นบุคคลตามข้อ 3 ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แจ้งให้ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญาทราบ และให้ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญาเสนอรายงานต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาต่อไป
6. บุคคลที่เข้ามาในบริเวณศาลอาญาจะต้องแสดงเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์การคัดกรองตามที่ศาลอาญากำหนด และห้ามปกปิด หรือทำลายเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์การคัดกรองออกจากบริเวณที่ติด และต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในบริเวณศาลอาญา รวมทั้งควรล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ที่ศาลอาญาได้จัดเตรียมไว้
7. กรณีบุคคลตามข้อ 3 เป็นคู่ความ พยาน และบุคคลที่โจทก์หรือจำเลยร้องขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease : COVID - 19) (ฉบับที่ 2) ตามคิวอาร์โค้ดที่แนบมาพร้อมข้อกำหนดศาลอาญานี้
8. กรณีบุคคลตามข้อ 3 มีความประสงค์จะขอเลื่อนการพิจารณาคดีให้โทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่ศาลเพื่อขอคำแนะนำและต้องยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีพร้อมแนบหลักฐานใบรับรองแพทย์ ส าเนาหนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นใดที่ระบุว่าเป็นบุคคลตามข้อ 3 โดยให้ส่งคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีทางไปรษณีย์หรือทางโทรสาร หมายเลข 0 2512 8346 หรือทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail) [email protected] หรือทางเว็บไซต์https://crimc.coj.go.th ตามคิวอาร์โค้ดระบบขอเลื่อนคดีของกลุ่มผู้เฝ้าระวัง COVID - 19 ที่แนบมาพร้อมข้อกำหนดศาลอาญานี้ หรือมอบฉันทะให้ผู้ที่ไม่ใช่บุคคลในข้อ 3 มายื่นแทน
9. ในการพิจารณาคดีอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเท่านั้นเข้าไปในห้องพิจารณาคดีจำเลยหรือผู้ต้องหาซึ่งถูกคุมขัง ต้องนั่งในบริเวณที่ศาลกำหนดไว้ให้เป็นสัดส่วน เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น (Social Distancing) และห้ามญาติผู้ต้องขังเยี่ยมผู้ต้องขัง ณ ห้องขังของศาลบริเวณชั้น 1 ห้องพิจารณาคดี ตลอดจนระหว่างทางเดินไปยังห้องพิจารณาคดี
10. การติดต่อราชการศาล การพิจารณาคดีอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเท่านั้น เว้นแต่บุคคลที่มีความจำเป็นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคู่ความ เช่น อัยการ ทนายความ พยาน และบุคคลที่โจทก์หรือจำเลยร้องขอ โดยเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น (Social Distancing) ตามสมควร
11. พนักงานขนส่งสินค้า พัสดุและอาหารของบริษัทเอกชน ให้ส่งสินค้า พัสดุและอาหารด้านหน้าอาคารศาลอาญาเท่านั้น
12. บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อราชการภายในห้องผู้บริหาร ห้องผู้พิพากษา ห้องทำงานธุรการ ต้องแลกบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงบุคคลประเภทอื่นหรือหลักฐานในการมาติดต่อราชการศาล ณ ประตูทางเข้าอาคารศาลอาญา ชั้น 2
13. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ ปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับสถานะของบุคคลตามข้อ 3 หรือขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 9 ถึงข้อ 12 หรือปกปิดหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามข้อ 8 ให้ถือว่ามีความผิดฐานละเมิดอ านาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31 (1)
ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2563
(นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์)
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/