แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกแถลงการณ์เรียกร้องทางการกัมพูชาต้องยุติการคุกคาม และข่มขู่สมาชิกพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) ที่ถูกยุบไปแล้ว ขณะนี้พวกเขาหลบหนีการประหัตประหารทางการเมืองในกัมพูชาและอยู่ระหว่างลี้ภัยในประเทศไทย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับข้อมูลว่า นายสวน จำเรียน อายุ 37 ปี นักเคลื่อนไหวจากพรรคสงเคราะห์ชาติ ได้ถูกทำร้ายร่างกาย และดูเหมือนมีความพยายามลักพาตัวเขาที่กรุงเทพฯ ตอนค่ำวันที่ 22 ธ.ค. 2562 และอาจมีความเสี่ยงว่านายจำเรียนจะถูกปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มเติมจากน้ำมือของทางการกัมพูชา หากมีการบังคับส่งตัวเขากลับไปกัมพูชา
ตอนค่ำวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีชายสองคนได้เดินเข้าหานายจำเรียนช่วงสามทุ่มครึ่ง และพยายามจับตัวเขาเข้าไปในรถตู้ที่อยู่ใกล้ๆ แต่นายจำเรียนขัดขืนเป็นเหตุให้ชายทั้งสองคนจับตัวเขาไว้ และช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า แต่สุดท้ายเขาสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่งจากเหตุการณ์นี้
นายสวนเป็นสมาชิกคณะทำงานของพรรคสงเคราะห์ชาติ สาขาจังหวัดพระตะบอง กัมพูชา เขาเป็นหนึ่งในแกนนำอาวุโส 18 คนของพรรคสงเคราะห์ชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ฮุนเซนแห่งกัมพูชาระบุว่าเป็นผู้ทรยศต่อชาติเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน แกนนำทั้ง 18 คนจึงตกเป็นเป้าหมายการจับกุมของทางการกัมพูชานับแต่นั้นมา
นายสวนยังเป็นหนึ่งใน 39 คน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคสงเคราะห์ชาติ และได้ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางโดยกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน นายจำเรียนได้รับสถานะเป็นบุคคลในความห่วงใย (Person of Concern) จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UN High Commissioner for Refugees - UNHCR) เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2562
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังมีการคุกคามและข่มขู่อย่างเป็นระบบต่อพลเมืองชาวกัมพูชา ซึ่งหลบหนีการประหัตประหารทางการเมืองและแสวงหาที่ลี้ภัยในประเทศไทย มีการปราบปรามอย่างเข้มข้นมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ในวันที่ 23 พ.ย. นายต่อ นิมล นักเคลื่อนไหวพรรคสงเคราะห์ชาติ รวมทั้งนางเฉินลิ้ม ภรรยาของเขา ซึ่งต่างได้รับสถานะบุคคลในความห่วงใยของ UNHCHR ถูกบังคับส่งกลับไปกัมพูชา หลังถูกจับกุมที่กรุงเทพฯ ต่อมาพวกเขาได้ “รับสารภาพ” เนื่องจากถูกข่มขู่ระหว่างการควบคุมตัวเป็นเวลานาน โดยยอมรับว่าสนับสนุนความพยายามของนายสม รังสี อดีตประธานพรรคสงเคราะห์ชาติ ที่จะเดินทางกลับสู่กัมพูชาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งทางการกัมพูชากล่าวหาว่าเป็นความพยายามทำรัฐประหาร
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้ยุติการคุกคาม การข่มขู่ และการสอดส่องชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยในประเทศไทยโดยทันที ทางการไทยต้องประกันว่า บุคคลทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรงและการจับกุมโดยพลการ และไม่ให้ความร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อพลเมืองชาวกัมพูชา ที่หลบหนีการประหัตประหารทางการเมือง