
ครม.อนุมัติ 'คลัง‘ กู้ธนาคาร ADB วงเงิน 2,440 ล้านบาท สร้างมอเตอร์เวย์สาย 7 เชื่อมเข้าสนามบินอู่ตะเภา เว้นค่าเวนคืนใช้งบประมาณปกติ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2572
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 เม.ย. 2568 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์สาย 7) ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ระยะทาง 1.92 กม. วงเงิน 2,440.19 ล้านบาท
1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB)* สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหลวงหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (โครงการฯ) กรอบวงเงิน จำนวน 68.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,440.19 ล้านบาท)
2. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ และเห็นชอบในการใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับเงินกู้สำหรับการดำเนินงานตามปกติของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations) (ข้อบังคับเงินกู้ฯ ADB) ลงวันที่ 1 มกราคม 2565 ของ ADB
3. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในสัญญาเงินกู้โครงการฯ
4. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) จัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้โครงการฯ ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว
5. มอบหมายให้กรมทางหลวงปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกระบุไว้ในคู่มือปฏิบัติงาน (Project Administration Manual: PAM) (คู่มือปฏิบัติงานของ ADB) สัญญาเงินกู้โครงการฯ รวมทั้งกฎเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องของ ADB และเอกสารแนบท้ายสัญญาที่เกี่ยวข้อง ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอให้กรมทางหลวงบริหารสัญญาและกำกับดูแลผู้รับจ้างให้ดำเนินโครงการฯ อย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินการเบิกจ่ายเงินกู้ตามระยะเวลาที่กำหนด

ที่มา: กรมทางหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.มีมติเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2565 อนุมัติโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (โครงการฯ) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างทางยกระดับแนวใหม่ขนาด 4 ช่องทางจราจร เชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา - มาบตาพุด สู่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและปรับปรุงขยายช่องทางจราจรของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) จากเดิม 4 ช่องทางจราจรเป็น 8 ช่องทางจราจร โดยมีกรอบวงเงิน จำนวน 4,508 ล้านบาท ซึ่งมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กค.) จัดหาแหล่งเงินกู้ต่างประเทศสำหรับค่าดำเนินการก่อสร้าง ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน และเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ขอรับการจัดสรรงบประมาณสมทบ ซึ่งรวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อดำเนินโครงการฯ ตามที่ กค. จะทำความตกลงกับแหล่งเงินกู้ สำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำนวน 108 ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากจบประมาณรายจ่ายประจำปี
จากนั้น กค. ได้ขอรับการสนับสนุนเงินกู้อย่างเป็นทางการ สำหรับดำเนินโครงการฯ จากธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank :ADB) **ต่อมากรมทางหลวงในฐานะผู้ดำเนินโครงการฯ ได้เสนอขอปรับเปลี่ยนแบบก่อสร้างใหม่ เป็นผลให้วงเงินโครงการฯ ลดลงเหลือ จำนวน 3,092.90 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินกู้จาก ADB จำนวน 2,440.19 ล้านบาทหรือจำนวน 68.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 78.90 ของวงเงินโครงการ (อีกร้อยละ 21.10 ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมทางหลวงจำนวน 652.71 ล้านบาท)
โดย ADB ตกลงที่จะให้กรมทางหลวงเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างไปพลางก่อนได้ และจะลงนามในสัญญาจ้างและเบิกจ่ายเงินกู้ได้ทันทีเมื่อสัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้ จากนั้น กค. ได้ส่งร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ ที่ได้เจรจากับ ADB จนได้ข้อยุติแล้วให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) ตรวจพิจารณา ซึ่ง อส. ได้ให้ข้อสังเกตบางประการ ซึ่ง กค. (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ได้ชี้แจงและรายงานผลการปฏิบัติตามข้อสังเกตของ อส. แล้ว กค. จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ ระหว่างรัฐบาลไทยอนุมัติให้ กค. กู้เงินจาก ADB และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้โครงการฯ รวมทั้งการใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท ซึ่งถูกกำหนดอยู่ในข้อบังคับเงินกู้สำหรับการดำเนินงานตามปกติของ ADB (ข้อบังคับเงินกู้ฯ ADB) ลงวันที่ 1 มกราคม 2565 ทั้งนี้ โครงการฯ มีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 30 มิถุนายน 2572


ที่มาภาพ: กรมทางหลวง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา