ดีเอสไอ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา-คดีพิเศษ นำเข้ารถยนต์หรู เลี่ยงภาษีอากร รวม 34 คัน ทำรัฐเสียหายกว่า 98 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวได้รายงานผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีได้จำนวน 2 ราย ดังนี้
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ชุดปฏิบัติการที่ 1 ได้จับกุมจับกุมนางสาวฉันทิศา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2028/2565 ลงวันที่ 21 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณริมถนนรักสุขภาพ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 91/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกับ บริษัทโกลเบิล ออโต้ อิมพอร์ท จำกัด กับพวกรวม 4 คน กระทำความผิดนำรถยนต์นั่งใหม่สำเร็จรูป จำนวน 6 คัน ทำให้รัฐได้รับความเสียหายภาษีอากรขาดไปเป็นเงินจำนวน 29,895,254.12 บาท
ต่อมาในวันนี้ (13 พฤศจิกายน 2567) ชุดปฏิบัติการที่ 2 ได้จับกุมนางสาวชนิดา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในฐานะผู้แทนนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3820/2567 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ จับกุมได้ที่ ภายในเขตพื้นที่บ้านเอื้ออาทรจังหวัดเชียงใหม่ (สันผีเสื้อ) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 34/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งผู้ต้องหาเป็นกรรมการ บริษัทฟิวเจอร์ คาร์ จำกัดได้ร่วมกันนำรถยนต์นั่งใหม่สำเร็จรูป จำนวน 28 คัน จากสหราชอาณาจักรเข้ามาในประเทศไทย ทำให้รัฐได้รับความเสียหายภาษีอากรขาดไปเป็นจำนวนเงิน 68,405,860.91 บาท
ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและรวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว รวมทั้งแจ้งพนักงานอัยการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ขณะจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชาจัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป