ศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้องคดี 'ถมคลองเปรมประชากร' เหตุผู้ฟ้อง 130 ราย ไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินริมคลอง ชี้เจ้าหน้าที่รัฐอ้างคำสั่งคสช.สั่งถมคลอง เป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวกลุ่มหลักหกรักษ์คลองเปรม ประชาชนในพื้นที่ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมธนารักษ์ เทศบาลตำบลหลักหก สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต และกรมชลประทาน หยุดการถมคลองเปรมประชากรในพื้นที่ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างบ้านมั่นคง รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ 9/2560 ที่ให้การคุ้มครองการดำเนินงานโดยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ เช่น การศึกษาผลกระทำสิ่งแวดล้อม การบังคับใช้กฎหมายผังเมืองรวม การกำหนดระยะถอยร่นอาคาร เป็นต้น ด้วยการฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ดำเนินคดีกับหน่วยงานต่าง ๆ ข้างต้น เนื่องจากดำเนินการถมคลองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเมื่อเดือน ก.ค. 2566 ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่าเพราะหน่วยงานต่างๆปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 9/2560 ข้อพิพาทจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2567 ศาลปกครองได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ผู้อยู่อาศัยริมคลองเปรมประชากรในพื้นที่ตำบลหลักหก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จำนวน 130 คน ร่วมกันยื่นฟ้องหน่วยงานข้างต้น ในกรณีที่หน่วยงานดังกล่าวกระทำการถมดินลงคลองเปรมประชากรเพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำสั่งคสช.ที่ 9/2560 มีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากรตามนโยบายของรัฐบาล มีผลเป็นการทั่วไปโดยมิได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดโดยเฉพาะ กรณีตามคําฟ้องประกอบคําขอของผู้ฟ้องคดีทั้งหนึ่งร้อยสามสิบราย จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดให้ต้องปฏิบัติ ที่อยู่ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ส่วนผู้ฟ้องทั้ง 130 รายไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินริมคลองเปรมประชากรบริเวณที่พิพาท ไม่ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการดำเนินโครงการ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
นายภาณุเมศร์ ศิรินรานันทร์ ผู้นำกลุ่มหลักหกรักษ์คลองเปรมประชากร 1 ใน 130 รายที่ยื่นฟ้องเปิดเผยว่า ทางกลุ่มมีการประชุมหลังรับฟังคำสั่งศาลโดยมีข้อสรุปว่า แม้ศาลจะไม่รับฟ้องแต่ถือว่าการต่อสู้ของคนในพื้นที่ประสบความสำเร็จในการไม่ปล่อยให้หน่วยงานต่างๆของรัฐร่วมทำการถมคลองเปรมฯเพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงและเขื่อนกันตลิ่งอย่างผิดกฎหมายโดยแอบอ้างคำสั่งคสช.ว่าให้การคุ้มครอง โดยกลุ่มจะยังติดตามการทำงานและหาผู้รับผิดชอบในการถมคลองเปรมฯของทุกหน่วยงานต่อไป
“ในคำสั่งศาลแม้จำต้องยอมรับแต่พวกเรามีข้อสงสัยว่า คณะตุลาการท่านเอาข้อมูลใดหรือบรรทัดฐานใดในการพิจารณาวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องทั้ง 130 ราย ไม่ใช่ผู้เดือดร้อนหรืออาจจะเดือดร้อน เพราะไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดินริมคลองเปรมฯ ทั้ง ๆ ที่พวกเราเป็นเจ้าของบ้านพักอาศัยในหมู่บ้านหลายแห่งที่อยู่ติดคลองเปรมฯ มีทางเข้าออกต้องข้ามคลองเปรมฯ และเคยประสบภัยน้ำท่วมที่เอ่อล้นจากคลองเปรมฯมาแล้วหลายครั้ง” นายภาณุเมศร์ กล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง