ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 'อานนท์ นำภา' คดีม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ 2 ปี 20 วัน ปรับ 100 บาท รวม 3 คดี ติดคุก 10 ปี 20 วัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ1676/2564 พนักงานอัยการ สำนักงานอาญากรุงเทพใต้ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา ทนายความแกนนำนักเคลื่อนไหวม็อบราษฎร์ ในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ,พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง จากกรณีที่จำเลยได้จัดการปราศรัยถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ในกิจกรรม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน’ หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ 2 ที่ลานหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมาตรา9,18 พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34,51 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียงฯมาตรา 4วรรคหนึ่ง, 9วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำคุก 3 ปี ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 เดือน ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 150 บาท
ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78กระทงละ 1ใน3 คงจำคุกฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 20 วัน ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 100 บาท คงจำคุกรวม 2 ปี 20 วัน และปรับ 100 บาท
โดยศาลพิเคราะห์พยานคู่ความทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ว่า พยานโจทก์ทั้งผู้ที่ได้ยินได้ฟังจำเลยกล่าวปราศรัยในวันเกิดเหตุและที่ได้ทราบและอ่านคำกล่าวปราศรัยของจำเลยในภายหลังล้วนเบิกความให้ความเห็นสรุปรวมว่า จำเลยกล่าวใส่ความสภาบันเบื้องสูงว่า นำเอาทรัพย์สินสาธารณะของประชาชนใช้ร่วมกันไปเป็นของตนเอง ทำให้ประชาชนมองว่าทรงโลภ เสื่อมศรัทธาจำเลยกล่าวหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์แม้ว่าจำเลยจะเบิกความว่า จำเลยวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา พูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และออกมาเรียกร้อง ให้มีการนำเข้าวัคชีน แต่จะมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นหรือไม่ ไม่อาจถือตามความเข้าใจของจำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวเองเท่านั้น แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อความคำปราศรัยของจำเลยตามแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยตรง
หากจำเลยมุ่งหมายจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล จำเลยก็หาต้องกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในลักษณะดังกล่าวในคำปราศรัยด้วยไม่ ไม่มีเหตุจำเป็นอย่างใดที่จำเลยจะต้องยกเอาสถาบันอันเป็นที่เคารพของประชาชนมากล่าวเปรียบเทียบเปรียบเปรยในทางที่เสื่อมเสีย ทั้งเมื่อพิจารณาข้อความคำปราศรัยและบริบทในการอ้างพระนามในคำปราศรัยแล้ว เห็นว่าจำเลยเจตนาให้ประชาชนหรือผู้ที่ได้ฟังคำปราศรัยเข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความโลภ เป็นการใส่ความทำให้เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ด้อยค่า ข้ออ้างของจำเลยที่นำสืบดังกล่าวขัดต่อเหตุผล ไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ อีกทั้งไม่มีบทบัญญัติเหตุยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษได้ทำนองเดียวกันกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 และมาตรา 330การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112
ให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 2841/2566 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 56/2567ของศาลอาญา ริบเครื่องปั่นไฟ จำนวน 1 เครื่อง ลำโพง 8 ตัว เพาเวอร์แอมป์ 1 เครื่อง เครื่องผสมสัญญาณเสียง1 เครื่อง เครื่องรับสัญญาณไมโครโฟน 1 ตัว และไมโครโฟนไร้สาย 2 ตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเพจ “TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน” ได้รายงานว่าปัจจุบันนายอานนท์ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อยู่ในคดี ม.112 รวม 3 คดีด้วยกัน รวมโทษจำคุกหลังลดหย่อนของทั้ง 3 คดีแล้วอยู่ที่ 10 ปี 20 วัน
ทั้งนี้ นายอานนท์ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการปราศรัยและโพสต์ข้อความในช่วงปี 63-64 รวมทั้งสิ้น 14 คดี
หมายเหตุ : ภาพประกอบปกข่าวจาก tlhr2014.com