กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ‘นครชัย ขุนณรงค์’ อดีต สส.ก้าวไกลระยอง รู้ว่าขาดคุณสมบัติสมัคร สส.ยังลงสมัคร พิจารณาตัดสิทธิและเรียกร้องค่าเสียหายจัดเลือกตั้ง หลักฐานสำคัญคือ เคยต้องคดีลักทรัพย์ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ไม่ช่วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 เมษายน 2567 เว็บไซต์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 23/2567 เรื่อง การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยองเขต 3
สาระสำคัญ ระบุว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 หลังประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.ได้รับคำร้องว่า นายนครชัย ขุนณรงค์ สส.จ.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (10) และ พ.ร.ป.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 42 (12)
โดยผู้ร้องกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้อง (นายนครชัย) เคยต้องคำพิพากษาฐานลักทรัพย์ ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดชลบุรี คดีหมายเลขดำที่ 6962/2542 คดีหมายเลขแดง 6766/2542 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2542 ผู้ถูกร้องจึงเป็นบุคคลที่เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้านนายนครชัยชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ทราบเพียงว่าเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก แต่ไม่ทราบว่าคำพิพากษาดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นมานานกว่า 24 ปีแล้ว จำได้เพียงว่าเป็นคดีเกี่ยวกับการรับของโจร เป็นลักษณะของคดีประเภทอื่น และผู้ถูกร้องได้รับประโยชน์จาก พ.ร.บ.ล้างมลทินเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ซึ่งลบล้างโทษที่ผู้กระทำผิดได้รับโทษมาครบถ้วนและพ้นโทษแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่า สามารถใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งได้
กกต.วินิจฉัยแล้วเห็นว่า จากคำพิพากษาศาลจังหวัดชลบุรีดังกล่าว ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 3 ปี แต่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และเมื่อนำโทษไปรวมกับคดีหมายเลขแดง 331/2542 อีก 1 ปี 6 เดือน มีกำหนด 3 ปี และคดีถึงที่สุดแล้ว ปรากฎตามหนังสือสำคัญเพื่อแสดงว่าคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วของศาลจังหวัดชลบุรีที่ ศย.302.006/คด.1260 ลงวันที่ 14 มิ.ย. 2566
ส่วนนายนครชัยได้ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.ระยอง ลงวันที่ 3 เม.ย.66 รับรองว่าตนเองมีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3 และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. โดยรู้อยู่แล้วว่า ตนเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดดังกล่าวของศาลจังหวัดชลบุรี กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายนครชัยลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วปกปิด หรือไม่แจ้งข้อความจริงนั้น และให้ถือว่าการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขต 3 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายนครชัย ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.2561 มาตรา 54 วรรคสอง และมาตรา 151
จึงมีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ สส.ของนายนครชัย สิ้นสุดลงตั้งแต่วันเลือกตั้ง และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายนครชัย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 54 และให้รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 86 เพื่อดำเนินคดีอาญากับนายนครชัย ตาม มาตรา 151 ของกฎหมายเดียวกันและกรณีการดำเนินการเรียกค่าเสียหาย ในการจัดการเลือกตั้ง สส.ระยอง เขตเลือกตั้งที่ 3 ใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่าง อันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของนายนครชัย
ทั้งนี้นายนครชัยได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.เมื่อวันที่ 24 พ.ค.66 แต่หลัง กกต.ประกาศรับรอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยขณะนั้น ออกมาเปิดเผยว่านายนครชัย เคยเป็นต้องโทษจำคุกถือว่าขาดคุณสมบัติในการเป็น สส. ทำให้ในวันที่ 3 ส.ค.66 นายนครชัยได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น สส.และ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 10 ก.ย.66 โดยนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ จากพรรคก้าวไกล เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้