‘เศรษฐา’ เยือนน่าน ร่วมรับฟังการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ติงเจ้าหน้าที่ลงทะเบียน 500 เข้าระบบแค่ 100 คนไม่ได้ สั่ง ‘มหาดไทย’ จี้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่เก็บตก พร้อมเปิดไอเดียตลาดนัดแก้หนี้ เผยประชาชนห่วงความปลอดภัยจากหนี้ระบบ เตรียมนัดประชุม ก.ต.ช. 28 ธ.ค.นี้ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 23 ธันวาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปที่ จ.น่าน เพื่อติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัด โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.คณิศร อาสมะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายทรงยศ รามสูต สส.น่าน เขต 1 นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน เขต 3 และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
นายเศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า การมาจังหวัดน่านเป็นจังหวัดแรก เพราะเป็นจังหวัดที่วางไว้ว่า จะแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั้งหมด ซึ่งวันนี้รัฐบาลได้ประกาศไปว่า เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลนี้ ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่สิ่งที่ปล่อยปะละเลย แต่เป็นปัญหาที่กัดกร่อน และพวกเราในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐก็พยายามที่จะแก้ปัญหากันมาบนพื้นฐานที่สามารถทำกันได้ ซึ่งพวกท่านก็พยายามที่จะทำกันมาในพื้นฐานในพื้นที่ที่สามารถทำได้ แต่วันนี้ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นนิมิตหมายอันดีที่คณะรัฐมนตรีที่มีทั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและตัวนายกฯเองลงพื้นที่กันมา เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเกิดปัญหานี้ไม่ถูกแก้ไข คิดว่าเรื่องนี้เป็นสารตั้งต้นของปัญหาต่างๆในสังคมไทย ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่ปลอดภัยของประชาชนทุกคน
ทั้งนี้จังหวัดน่านเป็นจังหวัดที่เล็กแต่เล็กพอที่จะดูแลได้ และมีหน่วยงานครบทุกหน่วยงานที่คิดว่า มาร่วมกันพัฒนา และทำงานตรงนี้ได้ ซึ่งหนี้นอกระบบเป็นปัญหาทุกข์ใจของประชาชน และเป็นปัญหาที่ไม่ใช่ความผิด หากเรียนตรงๆ มันไม่ใช่ปัญหาที่เกิดมาจากการพนันหรือการไปซื้อยาเสพติด แต่เป็นปัญหาเศรษฐกิจที่พวกเรารู้กันดีอยู่ว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งเกิดจากการที่ถูกเรียกหนี้ไม่เป็นธรรม ถูกชาร์จดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมและไม่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานรัฐที่ควรจะต้องดูแล
@จี้ฝ่ายความมั่นคง เรียกเจ้าหนี้-ลูกหนี้มาเคลียร์
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แต่วันนี้ที่คณะของนายกฯมาไม่ขอพูดเรื่องเก่า จะพูดถึงเรื่องใหม่ดีกว่าว่าจากนี้ต่อไปจะเดินต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ ที่จังหวัดน่านมีคนมาแจ้งแล้ว 500 กว่าราย และมีมูลหนี้ประมาณ 33 ล้านบาท ทั้งนี้ จึงอยากให้หน่วยงานความมั่นคง ซึ่งสามารถนั่งหัวโต๊ะและเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยเอากฎหมายเป็นที่ตั้ง ซึ่งหากเราสามารถทำกันได้ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ก็คิดว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้น และชีวิตของพวกเราทุกคน และชีวิตของประชาชน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงนี้ คือผู้รับใช้ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลนี้ กำหนดว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ การมาที่จังหวัดน่านก็เป็นแพลตฟอร์มที่ให้เดินต่อไป และขอให้กระทรวงมหาดไทยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ดูในเรื่องพื้นที่ ว่าให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าปัญหายาเสพติด ปัญหาพนันออนไลน์ ปล้นจี้ตรงนี้ ก็จะได้รับการแก้ไขเชื่อมโยงไปด้วย ก็ขอฝากความหวังกับพวกท่านทุกคนอยากให้คืนรอยยิ้มให้กับประชาชนคนไทยทุกคน
@ติงลงทะเบียน 500 เข้าระบบแค่ 100
ช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรีท้วงติงว่า ตัวเลขจำนวนลูกหนี้ที่มีแจ้งมากว่า 500 กว่ารายถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีผู้มาแจ้ง 500 กว่าคน แต่การนำเข้ามาสู่ระบบถือว่าน้อยมากมีเพียง 100 กว่ารายเท่านั้น ฉะนั้น ขอให้ใช้กลไกของกำนัน และผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ไปดูและติดตาม ฉะนั้น ขอฝากอธิบดีกรมการปกครองด้วยก็แล้วกัน ถ้าประชาชนมีคุณสมบัติไม่ครบตัดออกไปปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ ไม่ได้ดูตัวเลข 500 กว่ารายที่แจ้งมา แต่ดูตัวเลข 100 กว่ารายที่เข้าสู่ระบบการเจรจา และหากเป็นไปได้อาจจะจัดตลาดนัดแก้หนี้ ที่ศาลากลางจังหวัด จัดเป็นอีเวนท์ทุกวันที่ 15 หรือวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มาพูดคุยกัน รวมถึงธนาคาร ซึ่งตรงนี้ตนถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
นอกจากนี้ นายเศรษฐายังเสนอว่า หากนำลูกหนี้และเจ้าหนี้เข้าสู่การเจรจาได้ 300 ถึง 400 ราย จะถือเป็นตัวเลขที่เรียกความมั่นใจได้ดีกว่า ซึ่งมันประหลาด หากประชาชนเขาเดือดร้อนแต่ข้อมูลไม่ครบ ซึ่งอาจจะขาดข้อมูลนิดเดียวแต่ตัดออกไปและไม่ยอมเรียกมา ขอฝากให้อธิบดีกรมการปกครองให้ดูเรื่องนี้หน่อย
@รับลูกนายกฯ จี้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ออกสำรวจลูกหนี้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ว่าข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยมีความชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น ขอให้กำนันผู้ใหญ่บ้านและอำเภอจัดทีมออกไปออกไปสำรวจเพราะอาจจะมีประชาชนที่ไม่กล้าลงทะเบียนเพราะกลัวถูกข่มขู่ ดังนั้นเราก็จะต้องกระตุ้นลงพื้นที่ไปตามที่นายกฯสั่งการ เดี๋ยวจะหาว่าต้องมานั่งฟังนายกฯชี้นำเพราะกระทรวงมหาดไทยมีข้อสั่งการในเรื่องนี้อยู่แล้ว และเจ้าที่ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามข้อสั่งการของกระทรวงฯที่มีลำดับลำดับอยู่แล้ว
@นัดถก ก.ต.ช. คุมความปลอดภัยหนี้นอกระบบ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีที่ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยทบต้นเกินกว่าอัตรายอดหนี้ และดอกเบี้ยตามกำหนด จะมีโอกาสทวงคืนค่าส่วนต่างหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินคดี เป็นเรื่องของขั้นตอนตามกฎหมายไป
เมื่อถามว่า จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกหนี้อย่างไร เรื่องข้อกังวลของความปลอดภัย นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความมั่นใจแล้ว และได้พูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ยืนยันและตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ และตนจะไปตอกย้ำอีกครั้งในที่ประชุม เนื่องจากต้องให้ความปลอดภัยกับลูกหนี้ทั้งหมด
ถามอีกว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาหนี้นอกระบบนั้นนอกจากจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลแล้วยังเกี่ยวข้องกับคนมีสีเข้าไปสนับสนุนนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ และเชื่อว่าทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาที่ประชุมก็มีการต่อว่าในทำนองนี้ ตนมองว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราต้องทำงานใหม่ วันนี้มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาหลายท่าน ซึ่งก็ให้ความมั่นใจเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ต้องแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามต่อว่าแต่ถ้าเป็นลูกหนี้ที่กู้หนี้นอกระบบแต่เก็บอัตราตามกฏหมายกำหนดจะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยากให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบสถาบันทางการเงินมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของลูกหนี้ว่า จะเลือกอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการ ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีร่วมรับฟังการแก้ปัญหาหนี้ระหว่างประชาชน (ลูกหนี้)กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีลูกหนี้คนหนึ่งแสดงความเห็นว่า ไม่มั่นใจกลัวเรื่องความปลอดภัย โดยนายเศรษฐากล่าวให้ความมั่นใจ และเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่เรื่องความปลอดภัย ให้ดูแลเป็นพิเศษ แม้แต่เล็บข่วนก็อย่าให้เกิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จังหวัดน่าน ตามแนวทางที่กรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทยกำหนด มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 22 ธ.ค. จำนวนลูกหนี้ 563 ราย จำนวนเจ้าหนี้ 518 ราย ยอดหนี้มูลค่ารวม 33,041,242 บาท ส่วนสาเหตุการเป็นหนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ ด้านอุปโภค 602 ราย ด้านการลงทุน 496 ราย ต่อเติมที่อยู่อาศัย 109 ราย ค่าเทอม 288 ราย และการพนัน 17 ราย
สำหรับผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของจังหวัดน่านจากจำนวนลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด 563 ราย ลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 52 ราย คิดเป็น 32.70 % ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 4 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการไกล่เกลี่ย 48 ราย และให้รัฐจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 28 ราย คิดเป็น 17.61 % รวมผลการดำเนินการแก้ไข ให้ความช่วยเหลือแล้ว จำนวน 80 ราย คิดเป็น 50.31%