‘สกนช.’ ชี้แจง ‘ค่าการตลาด’ น้ำมันเชื้อเพลิงสูงเกิน 3 บาท/ลิตร เป็นข้อมูลก่อนการปรับ ‘อัตราเงินนำส่งกองทุนฯ’ และก่อนที่ผู้ค้าฯประกาศลดราคาระหว่างวันที่จะมีผลในวันรุ่งขึ้น ยืนยันดูแลค่าการตลาดเฉลี่ยไม่ให้เกิน 2 บาท/ลิตร
.........................................
จากกรณีที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ออกมาระบุว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2566 ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.3 บาท/ลิตร ในขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันทุกชนิดทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินประเภทต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 3 บาท/ลิตร ทั้งๆที่เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2566 คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 2 บาท/ลิตร นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า สกนช.ไม่ได้ละเลยต่อการดูแลเรื่องค่าตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง โดย กบน. มีกรอบในการปฏิบัติตามแนวนโยบายของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทุกผลิตภัณฑ์แล้วจะต้องอยู่ในกรอบ 2 บาท/ลิตร
ส่วนค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง ตามโครงสร้างราคาแนะนำที่จัดทำขึ้นโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ที่ประกาศในช่วงเช้าของวันที่ 13 มิ.ย.2566 ซึ่งพบว่ามีค่าการตลาดฯสูงเกิน 3 บาทต่อลิตร นั้น เป็นข้อมูลก่อนที่ กบน. จะมีการประกาศปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันประเภทน้ำมันดีเซล และก่อนที่ผู้ค้าน้ำมันจะประกาศปรับลดราคาในระหว่างวัน ซึ่งจะมีผลในวันรุ่งขึ้น
“ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังคงมีความผันผวน ถึงแม้จะไม่รุนแรงเช่นในปีที่ผ่านมา ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันแนะนำที่ สนพ. จัดทำขึ้น มีความผันผวนไปในแต่ละวัน การพิจารณาค่าการตลาดเป็นรายวันและรายผลิตภัณฑ์อย่างเดียว คงไม่ถูกต้อง ต้องนำมาถัวเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ซึ่งรวมถึงปริมาณการใช้ เพื่อมาคำนวณให้ได้ค่าการตลาดเฉลี่ยโดยรวมทุกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่ง สกนช.จะนำมาพิจารณาทุกวันตามกรอบที่ กบน. กำหนด” นายวิศักดิ์ กล่าว
นายวิศักดิ์ ระบุว่า ในปี 2564 ค่าการตลาดเฉลี่ยโดยรวมทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 2.14 บาทต่อลิตร ส่วนปี 2565 ค่าการตลาดเฉลี่ยฯอยู่ที่ 1.78 บาทต่อลิตร และตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค.2566 ค่าการตลาดเฉลี่ยฯอยู่ที่ 2.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่าการตลาดน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ในบางครั้งจะสูงหรือต่ำกว่าที่ กบง. กำหนดไว้ได้บ้าง ตามสถานการณ์ของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกและปริมาณการใช้น้ำมันแต่ละชนิด
ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า กบน. ยังคงยึดมั่นในการดำเนินการตามกรอบนโยบายภายใต้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม คำแนะนำต่างๆ สกนช.จะนำเสนอต่อ กบน. เพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อไป
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ณ วันที่ 11 มิ.ย.2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 63,376 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 17,127 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,249 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้เปิดแถลงการณ์เรื่อง ‘ค่าการตลาดน้ำมันพุ่ง เรียกร้องรัฐบาลเก่า-ใหม่ ตรวจสอบตลาดน้ำมันในประเทศดูแลผู้ใช้น้ำมัน’ โดย สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการและรัฐบาลใหม่ ดูแลการปรับราคาค่าน้ำมันให้เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน เนื่องจากพบว่าผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ปรับราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปช้าและลดราคาน้อยกว่าที่ควรเป็น ทำค่าการตลาดน้ำมันพุ่งสะสมขึ้นไปถึง 3 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ กบง. ประกาศ ทำให้ผู้ใช้น้ำมันต้องเสียเงินกับค่าการตลาดสูงที่กว่าที่ควรจะเป็นกว่า 300 ล้านบาทในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566