‘สภาผู้บริโภค’ เรียกร้อง ก.ล.ต. เร่งดำเนินการ ‘ตรวจสอบ-เยียวยา’ กรณีหุ้นกู้ STARK ส่อผัดนัดฯ พร้อมออกมาตรการเชิงป้องกัน หลังมีผู้บริโภคเข้าปรึกษาขอความช่วยเหลือ
..........................................
จากกรณี บมจ.สตาร์คคอร์เปอเรชั่น (STARK) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอเลื่อนส่งงบการเงินประจำปี 2565 จนถึงปัจจุบันมีการขอเลื่อนทั้งหมด 3 รอบแล้ว และต่อมาบริษัทฯ ออกมายอมรับว่าอาจมีการทุจริตขึ้นภายในองค์กร ในขณะที่บริษัทฯ มีหุ้นกู้ที่ต้องชำระให้กับนักลงทุน 5 รุ่น เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 9,200 ล้านบาท ซึ่งหากมีการผิดนัดชำระหนี้ ก็จะทำให้นักลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับผลกระทบ นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายจิณณะ แย้มอ่วม อนุกรรมการด้านการเงินการธนาคาร สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) หรือ สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคฯ ขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจเต็มที่ในการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งตรวจสอบและเยียวยาความเสียหายจากกรณีดังกล่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคที่เข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ STARK
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ต้องออกมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และต้องทำให้สังคมเห็นว่า ก.ล.ต. สามารถกำกับดูแลหรือบังคับใช้กฎหมายกับบริษัทที่เข้าข่ายดำเนินการไม่สุจริตหรือหลอกลวงอย่างเข้มข้น และทันต่อสถานการณ์ รวมถึงดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์ฯด้วย
“ที่ผ่านมา ก.ล.ต. มีบทเรียนในลักษณะนี้มาแล้วจากหุ้นหลายๆตัว ซึ่งทำให้นักลงทุนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เช่น กรณี บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ที่มีลักษณะไม่สามารถส่งงบการเงินได้ตามกำหนด และต่อมามีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ กระทั่ง ตลท. ขึ้นเครื่องหมายแสดงการห้ามซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน เพื่อไม่ให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นตัวดังกล่าว ดังนั้น จึงเห็นว่า ก.ล.ต. ต้องให้ความสำคัญและมองถึงผลกระทบในทุกด้าน
หากพบช่องโหว่ควรรีบแก้ไขทันที เพื่อไม่ให้มีผลกระทบในวงกว้าง เพราะหากสุดท้ายแล้ว นักลงทุนจะเกิดความกังวลจนไม่กล้าเข้าไปรับความเสี่ยงในตลาดหลักทรัพย์ และอาจเป็นผลด้านลบต่อหุ้นกู้ของหลายๆบริษัทที่ออกมาใหม่ เช่น หุ้นกู้ที่ออกมาอาจขายไม่หมด จนทำให้บริษัทฯไม่มีเงินไปชำระหนี้ทางการค้าและอาจทำให้เข้าสู่ภาวะล้มละลายได้ จนส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจของประเทศได้” นายจิณณะ ระบุ
นายจิณณะ กล่าวด้วยว่า สภาองค์กรของผู้บริโภค ขอเรียกร้องให้ ก.ล.ต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้นโดยเร็ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดใดเกิดขึ้นจะต้องลงโทษผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และแม้ว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถดำเนินการกรณีความรับผิดทางแพ่งแทนผู้บริโภคได้ แต่การเรียกร้องทางแพ่งนั้น ผู้บริโภคจำเป็นต้องอาศัยข้อเท็จจริงในส่วนของการตรวจสอบและข้อมูลจาก ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับการแก้ปัญหาในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ควรมีมาตรการ การเฝ้าระวัง และการบังคับใช้กฎหมายในเชิงป้องกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับกรณี STARK อีก เพราะประชาชนที่ลงทุนในกองทุนหรือตราสารหนี้นั้น ส่วนใหญ่ผู้ที่เลือกเข้ามาลงทุนในกองทุนหรือตราสารหนี้เหล่านี้เป็นคนวัยเกษียณที่มีความรู้สึกว่า การลงทุนในลักษณะนี้ได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากเงินโดยทั่วไป จึงได้นำเงินมาลงทุนเพื่อยังชีพในยามเกษียณ
“เราในฐานะผู้บริโภคที่เดินเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯคงไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าบริษัทใด หรือใครที่จะหลอกลวง ซึ่งหน้าที่ของคนที่ต้องรู้ให้ได้ก่อนเรา คือ ก.ล.ต. และเมื่อรู้แล้วต้องพยายามจัดการกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายหรือผู้ที่ทำไม่ถูกตามเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้าไปลงทุนโดยสุจริต” นายจิณณะ ระบุ
นายจิณณะ ระบุว่า การที่สภาองค์กรของผู้บริโภคออกมาเรียกร้องในเรื่องดังกล่าวกับ ก.ล.ต. เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้กลุ่มผู้เสียหายจำนวนหนึ่งเข้ามาปรึกษาหารือและขอความช่วยเหลือจากสภาผู้บริโภค และในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ กลุ่มผู้เสียหายกรณีหุ้น STARK จะเข้าเรียกร้องต่อ ก.ล.ต. เพื่อขอให้เร่งตรวจสอบและขอให้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ณ สำนักงาน ก.ล.ต. ถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
อ่านประกอบ :
เจ้าหนี้ STARK เรียกคืน‘เงินต้น-ดบ.’หุ้นกู้ 2 ชุด 2.24 พันล.-ส่อผิดนัดฯอีก 6.95 พันล้าน
'ก.ล.ต.'สั่ง STARK ขยายขอบเขตการตรวจสอบ'เป็นกรณีพิเศษ'-ขีดเส้นชี้แจงข้อเท็จจริงใน 7 วัน
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ STARK ‘เสียงข้างมาก’มีมติ‘ยกเว้นเหตุผิดนัด’หนี้หุ้นกู้ 9.1 พันล.
หวั่นซ้ำรอยEARTH! จับตาที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ STARK ถกความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ 9.1 พันล.