ครม.เห็นชอบร่างประกาศฯ ยกเว้นภาษีนำเข้า ‘ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า-เรือพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่’ รวม 9 รายการ ถึง ธ.ค.68 คาดสูญรายได้ 3.1 พันล้าน พร้อมไฟเขียวยกเว้นภาษีเงินได้ ‘มาตรการอุดหนุน’ ซื้อ ‘รถอีวี’
........................................
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าหรือ เรือแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของกิจการยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ ภายใต้ร่างประกาศฯ กำหนดให้สินค้าที่ได้รับการยกเว้นอากร ได้แก่ ของและส่วนประกอบของของที่นำเข้าเพื่อประกอบหรือผลิตเป็นยานยนต์ไฟฟ้า หรือเรือแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รวม 9 รายการ ได้แก่ 1แบตเตอรี่ (battery) 2.มอเตอร์ขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (traction motor) 3.คอมเพรสเซอร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 4.ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) 5.ระบบควบคุมการขับขี่
6.ออนบอร์ดชาร์ทเจอร์ (on-board charger) 7.ดีซี/ดีซี คอนเวอร์เตอร์ (DC/DC converter) 8.อินเวอร์เตอร์ (inverter) รวมถึง พีซียู อินเวอร์เตอร์ PCU inverter 9.รีดักชัน เกียร์ (reduction gear)
สำหรับเงื่อนไขการได้รับการยกเว้นอากรนั้น ต้องเป็นของที่นำเข้ามาตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2568 เพื่อประกอบหรือผลิตเป็นยานยนต์ไฟฟ้าหรือเรือแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ มีหนังสือรับรองจากสถาบันยานยนต์ว่าเป็นของหรือส่วนประกอบของของสำหรับนำมาเพื่อประกอบหรือผลิตเป็นยานยนต์ไฟฟ้าหรือเรือแบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และต้องนำไปใช้ประกอบหรือผลิตเป็นยานยนต์ไฟฟ้าหรือเรือแบบไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่นำเข้าของ หากมีเหตุขัดข้องสามารถขอขยายระยะเวลาการผลิตได้อีกไม่เกิน 6 เดือน
ส่วนของที่ได้รับการยกเว้นอากรหากไม่สามารถหรือไม่ได้นำไปใช้ประกอบหรือผลิต ภายในเวลาที่กำหนดให้ผู้นำเข้าของเข้าส่งของนั้นออกไปนอกราชอาณาจักรหรือชำระอากรโดยถือเป็นสภาพของของ ราคาและอัตราอากรที่เป็นอยู่ในวันที่นำของเข้า
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารัฐอาจจะสูญเสียรายได้จากอากรขาเข้าโดยเฉลี่ยประมาณ 3,143 ล้านบาทต่อปี แต่จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในประเทศ และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ยังมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่) พ.ศ. .... (การยกเว้นเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์)
โดย ร่าง พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ราคาของรถยนต์และรถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) ลดลง ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการซื้อยานยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลง และทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการลงทุน
กระทรวงการคลัง รายงานว่า มาตรการดังกล่าวไม่อยู่ในประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ แต่ได้ประมาณการจากการจ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการฯ ตั้งแต่ปี 2565-2568 จำนวน 43,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จะสูญเสียประมาณ 8,600 ล้านบาท แต่จะเป็นการสนับสนุนให้ความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย