"สมศักดิ์" พบ "อัยการสูงสุด" จับมือบังคับใช้กฎหมายยาเสพติด หวังยึดทรัพย์ได้มากขึ้น หลัง ป.ป.ส.อายัดกว่า 1 พันล้าน แต่ศาลยึดจริง 20 ล้านบาท โชว์ 3 เดือน อายัดแล้ว 11,280 ล้านบาท
วันที่ 20 ธ.ค.65 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำคณะเข้าพบ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด เพื่อหารือข้อราชการ โดยมี นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เข้าร่วม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้มีการหารือถึงการบังคับใช้กฎหมายในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 64 เพราะตามมาตรการที่เพิ่มเข้ามา คือ การยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เพื่อตัดวงจรการค้ายานั้น อัยการ ก็ถือเป็นหน่วยงานสำคัญ ที่ต้องเข้ามาบูรณาการร่วมกัน เพราะในคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน หรือ คตส. ก็มีผู้แทนของอัยการ ร่วมพิจารณาทรัพย์ ที่ ป.ป.ส. อายัดเครือข่ายผู้ค้ายาด้วย
“เรื่องยาเสพติด ผมอยากให้ทุกหน่วยงานช่วยกันบูรณาการ เพราะปีนี้ มีการตั้งเป้ายึดอายัดทรัพย์ไว้ 1 แสนล้านบาท ซึ่งผ่านมา 3 เดือน สามารถอายัดได้แล้ว 11,280 ล้านบาท และยังมีบัญชีม้า ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีกอยู่จำนวนมาก รวมถึงกรณีกลุ่มจีนเทา ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และอาจขยายผลไปเกี่ยวข้องถึงการฟอกเงิน โดยท่านอัยการสูงสุด ก็ยืนยันว่า พร้อมทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม ในทุกมิติที่เป็นประโยชน์กับประชาชน” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ ป.ป.ส.ได้มีการยึดอายัดทรัพย์ในแต่ละปี กว่า 1 พันล้านบาท แต่เมื่อผ่านกระบวนการ จนศาลมีคำสั่งยัดทรัพย์จริงๆ เหลือเพียง 20 ล้านบาท ทั้งที่ มูลค่ายาเสพติดจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำสูงถึง 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น จากการหารือกับอัยการสูงสุด ก็พร้อมขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เพราะมองเป้าหมายเดียวกันว่า ยาเสพติด เป็นเสมือนยาพิษร้ายแรงที่สุด ทำให้มั่นใจว่า ในปีนี้จะสามารถยึดทรัพย์ร่วมกันได้มากขึ้น เพราะเชื่อว่า จะมีคนกล้าแจ้งเบาะแสยาเสพติดมากขึ้น เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% ส่วนเจ้าหน้าที่ รวมถึงอัยการ จะได้ 25% เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่รับผลประโยชน์จากผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งจะทำให้การปราบปรามยาเสพติด มีประสิทธิภาพมากขึ้น