‘คณิศ’ ส่อไม่รับเป็น ‘เลขาอีอีซี’ ต่อ หลังจะอยู่ครบวาระ 17 ส.ค. 65 นี้ ระบุเปิดทางให้คณะกรรมการสรรหา ก่อนเปิดสเปคเลขาฯตาม พ.ร.บ.อีอีซี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตามสัญญาจ้าง ตนจะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สกพอ.ถึงวันที่ 17 ส.ค. 2565 นี้ เนื่องจากตาม พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2561 ให้เลขาธิการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี อีกทั้งตนจะมีอายุ 65 ปีในเดือน พ.ย. 2566 หากจะต่ออายุก็ดำรงตำแหน่งได้ 1 ปี และจะเป็นทางเลือกสุดท้าย หากการสรรหาไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมได้
ดังนั้น ที่ประชุม กพอ. ในวันนี้ (15 ส.ค. 65) จึงรับทราบกระบวนการสรรหาเลขาธิการคนใหม่ ซึ่งมีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาและคัดเลือก โดยคณะกรรมการใช้วิธีการเสนอรายชื่อแบบเฉพาะเจาะจง (Shot list) ให้คนที่มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับการดำรงตำแหน่งมาเป็นเลขาธิการ เช่น ต้องเคยมีประสบการณ์ในการบริหารโครงการขนาดใหญ่มาก่อน เป็นต้น เข้ามาสมัคร ซึ่งคณะกรรมการสรรหาระบุว่า ต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 2 เดือนในการคัดเลือกและเสนอชื่อผู้ที่จะได้ดำรงตำแหน่งให้ กพอ.เห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ในระหว่างนี้ กพอ.ได้แต่งตั้งให้นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการอีอีซี มาดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการชั่วคราวก่อน โดยปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการที่ดูแลเรื่องแผนงาน โครงการ และการบริหารงานภายในของอีอีซี ส่วนตนหลังจากนี้จะถอยไปเป็นที่ปรึกษาแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสรรหาเลขาธิการ สกพอ. คนใหม่ เริ่มขึ้นในการประชุม กพอ. เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2565 มีมติให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีกรรมการสรรหา ประกอบไปด้วย เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานของ กพอ.ได้สั่งการให้รายงานความคืบหน้า และรายชื่อของผู้ที่ได้รับการสรรหาในเบื้องต้นให้ที่ประชุม กพอ.ครั้งต่อไปรับทราบ โดยขั้นตอนสุดท้ายนั้นจะเป็นการคัดเลือกรายชื่อของคนที่เป็นเลขาฯอีอีซีโดยใช้มติเห็นชอบของ กพอ.ตามข้อกฎหมายที่ พ.ร.บ.อีอีซีเขียนไว้
พลิก พ.ร.บ.อีอีซี สแกนคุณสมบัติ
โดยตาม พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2561 มาตรา 17 ระบุว่า เลขาธิการต้องเป็นผู้มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ที่จะยังประโยชน์แก่กิจการของคณะกรรมการนโยบายและสำนักงานตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
โดยเลขาธิการ กพอ. มีสัญชาติไทย มีอายุไมเกิน 65 ปี สามารถทำงานให้แก่สำนักงานได้เต็มเวลา และไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังตอไปนี้
(1) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(2) เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
(3) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(4) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(5) เป็นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
(6) เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 23
(7) เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นผู้อยู่ในระหว่างต้องห้ามหรือเคยถูกตัดสิทธิมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนญแห่งราชอาณาจกรไทย ทั้งนี้ ไมว่าด้วยเหตุใด
(8) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
(9) เคยเป็นผู้ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทมหาชนจำกัด เพราะเหตุมีลักษณะที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการที่มีมหาชนเป็นผู้ถือหุ้น ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์