สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้การฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถช่วยป้องกันภาวะมิสซีในเด็กที่เกิดขึ้นหลังติดเชื้อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565 กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีเด็กอายุ 0-18 ปีติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น ทำให้มีการพบผู้ป่วยมิสซี (MIS-C)เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเป็นอาการที่พบในเด็กหลังติดเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2565 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้มีบริการการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้เด็ก ซึ่งคาดหวังว่าจำนวนผู้ป่วยเด็กที่เป็นโควิดลดลง ส่งผลให้อัตราการเกิดมิสซีลดลงด้วย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า มิสซี (MIS-C) เป็นกลุ่มอาการที่พบได้ในผู้ป่วยเด็ก ซึ่งผู้ป่วยอาจจะมีอาการคล้ายโรคคาวาซากิ แต่พบภาวะช็อคที่เกิดจากการอักเสบที่หัวใจหรือหลอดเลือดหัวใจโป่งพองซึ่งเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ถ้ามีอาการรุนแรงจนจำเป็นต้องรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต
ในประเทศไทย พบผู้ป่วยมิสซี แล้วมากกว่า 100 ราย ทั่วประเทศ สำหรับการป้องกันโรคนี้มีการรายงานจากต่างประเทศพบว่าการให้วัคซีนป้องกันโควิดลดความเสี่ยงต่อการเกิดมิสซี และลดความรุนแรงของโรคได้
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มีการพบผู้ป่วย MIS-C จำนวน 51 ราย อายุตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 11 ปี อายุเฉลี่ย 4.8 ปี ผู้ป่วยร้อยละ 27 มีภาวะช็อคจึงจำเป็นต้องให้การรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยบางคนมีเส้นเลือดหัวใจโป่งพองคล้ายกับโรคคาวาซากิ ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมีการตอบสนองต่อการรักษาดี การทำงานของหัวใจกลับมาทำงานเป็นปกติร้อยละ 90 ระยะเวลาที่รักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตขึ้นกับความรุนแรงและการตอบสนองต่อการรักษา
ในสถาบันฯ พบการเสียชีวิตจากภาวะนี้จากเส้นเลือดหัวใจโป่งพอง 1 ราย การวินิจฉัยและการรักษาที่ทันท่วงที จะช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคนี้และลดภาวะแทรกซ้อนได้ ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินียังไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากวัคซีนป้องกันโควิดในผู้ป่วยที่เคยเป็นมิสซี และพบว่าผู้ป่วยมิสซีที่จำเป็นต้องเข้าไอซียู ในปี 2565 มีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วก่อนที่จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้เด็กไทย