‘อนุทิน’ หนีบพรรคภูมิใจไทยปักหมุด ‘พิจิตร’ เป็นตัว 3 ผู้สมัคร ส.ส. ทายาทการเมืองตระกูล ‘ภัทรประสิทธิ์-ขจรประศาสน์’ ชูพรรคเป็นปึกแผ่น ไม่แตกแยก ทำงานดี หวังชนะใจคนเมืองชาละวัน ก่อนตอบสื่อ ดูดบ้านใหญ่ไม่ใช่กลยุทธ์สกัด ‘เพื่อไทยแลนด์สไลด์’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 30 กรกฎาคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค ส.ส.พรรค และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ร่วมเปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพิจิตร ซึ่งประกอบด้วย นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ ผู้สมัครเขต 1, นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ เขต 2 และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ เขต 3 ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน
นายอนุทิน กล่าวปราศรัยว่า เห็นชื่อว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขตแล้วคงไม่ต้องบอกคุณสมบัติ นี่คือบุคคลที่ดีที่สุดสำหรับชาวพิจิตร และประเทศไทย แม้ว่าจังหวัดพิจิตรจะเปลี่ยนแปลงมาเยอะ แต่ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้ส.ส. 3 คน ให้ได้รับใช้พี่น้องชาวพิจิตร จ.พิจิตร จะเจริญกว่านี้อีก 10 เท่า จะไม่ใช่แค่เมืองทางผ่าน แต่จะเป็นเมืองท่องเที่ยว
เพราะ จ.พิจิตร มีศักยภาพมากในการเจริญเติบโต ซึ่งมีความพร้อมในการพัฒนาเรื่องการเดินทางที่สะดวก ทั้งนี้ ถ้าพรรคได้รับความเมตตาจากชาวพิจิตร จะต้องจัดงบส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวทั่วประเทศ จังหวัดละ 500 ล้านบาท ภายใน 1 ปี จะได้รายได้จากการท่องเที่ยวทั้ง 77 จังหวัด รวม 5 ล้านล้านบาท โดยจะใช้บุรีรัมย์โมเดลพัฒนาการท่องเที่ยว เอาจังหวัดรองมาพัฒนาเสริมสร้างเศรษฐกิจ เสริมสร้างการเกษตร เสริมสร้างคุณภาพชีวิต สุขภาพ เสริมสร้างการเดินทางสัญจรไป-มาได้สะดวก ทำทุกอย่าง เพื่อให้ชาวพิจิตรมีโอกาสทำมาหากินเพิ่มขึ้น พรรคภูมิใจไทยพูดอะไรแล้วทำหมด ทำสำเร็จด้วย เพราะเรากล้าทำ
“เราคัดเลือกผู้สมัคร คนที่คุ้นเคยกับชาวพิจิตรทั้งหมด พรรคขอฝากตัวกับพี่น้องชาวพิจิตร บางพรรคยังเหนื่อยกับการรักษาพรรคไม่ให้แตกแยก บางพรรคเป็นปัจจัยความขัดแย้ง บางพรรคอยู่มานานแต่ไม่ทำอะไร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่ขัดแย้ง ทำงานไม่แตกความสามัคคี พี่น้องชาวพิจิตรจะได้พรรคภูมิใจไทยมาทำงานด้วยความมั่นใจ เราไม่เสนอนโยบายเพ้อฝัน เราเสนอสิ่งที่ทำได้ และทำเร็ว เราขอโอกาสให้เราได้ทำให้ชาวพิจิตรเจริญรุ่งเรืองทุกมิติ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาจ.พิจิตร ได้มาตีไข่แตกแล้ว ขอโอกาสให้เราได้มาบ่อยๆ เพื่อทำงานกับสองตระกูลคือภัทรประสิทธิ์ และขจรประศาสน์ เพื่อทำให้พิจิตรรุ่งเรือง” นายอนุทิน กล่าว
ขณะที่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และส.ส.พิจิตร 4 สมัย ได้ขี้นเวทีปราศรัยแนะนำ 3 ผู้สมัครอีกครั้ง โดยเฉพาะนายศิริวัฒน์ บุตรชาย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งถ้าไม่มีพล.ต.สนั่น ตนจะไม่ได้ยืนตรงนี้ และไม่มีวันนี้ ขอให้พี่น้องชาวพิจิตรช่วยให้เราได้ส.ส.ยกจังหวัด แล้วประชาชนจะได้ตนอีก 1 คน วันนี้เป็นวันดีที่พรรคภูมิใจไทยได้มาที่นี่ พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็กพรรคน้อยแตกกระเซ็นกระซ่าน แต่พรรคภูมิใจไทยจะมาเป็นพรรคหนึ่งในแกนนำหลักของรัฐบาลหน้าแน่นอน และพรรคพูดแล้วทำ ทำแล้วได้ ทำได้ดีด้วย พร้อมย้ำว่า ตนภูมิใจมา และก็มาภูมิใจไทย
หลังจากนั้น นายอนุทิน, นายศักดิ์สยาม และ นายประดิษฐ์ พร้อมคณะว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 3 เขต และ ส.ส. ได้เดินบนเวทีแคทวอล์ค เพื่อพบปะทักทายประชาชนกว่า 5,000 คน
ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. พิจิตร พรรคภูมิใจไทย
ปัดดูดบ้านใหญ่ สกัด เพื่อไทยแลนด์สไลด์
ภายหลังจากการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 3 รายแล้ว นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า การที่พรรคภูมิใจไทย สามารถดึง 2 ตระกูลที่เป็นคู่แข่งขันกันทางการเมืองมาร่วมงานกับพรรคได้ เนื่องจากพรรคเน้นเรื่องความสามัคคี เพื่อทำให้ความขัดแย้งหายไป ในส่วนของจ.พิจิตรเป็นจังหวัดเป้าหมาย เรามีผู้สมัครจาก 2 ตระกูล ที่คุ้นเคยกับชาวพิจิตร เชื่อว่าจะทำประโยชน์สูงสุดให้ชาวพิจิตรได้
เมื่อถามว่า การทยอยเปิดตัวดึงส.ส.บ้านใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ เป็นยุทธศาสตร์สกัดแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปคิดแบบนั้น แต่เป็นการแข่งขันเพื่อรับใช้ประชาชน ซึ่งหลังการเลือกตั้งก็ขอให้สามัคคีกัน ไม่เกี่ยวกับบ้านใหญ่บ้านเล็ก บางครั้งผู้สมัครเห็นว่า พรรคใดสามารถผลักดันนโยบายรับใช้ประชาชนได้ตรงกันก็มาพูดคุยเพื่อร่วมงานกัน
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้ประกาศที่ จ.ศรีสะเกษ ว่าหากได้ส.ส.ยกจังหวัดจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี หากจ.พิจิตร ได้ส.ส.ยกจังหวัด จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นเดียวกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ใครทำผลงานก็ต้องได้รับการตอบสนองที่ดี ขอให้ประชาชนเลือกพรรคภูมิใจไทยเยอะๆ บ้านเมืองสงบสุขแน่นอน พรรคพูดแล้วทำ
ถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะจับมือกันไปจนถึงหลังเลือกตั้งเลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราพยายามสามัคคีกัน เพราะทำงานกันมา 4 ปี เราช่วยกันสนับสนุนซึ่งกันและกันให้มากที่สุด แต่การแข่งขันพื้นที่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความตั้งใจในการทำงานขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล จะไม่มีอุปสรรคในการปฏิบัติราชการในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้ประชาชนมั่นใจ.