ตำรวจควบคุมตัว'เมธา ชลิงสุข' เจ้าของเฟรนไชด์ดัง 'ดารุมะซูชิ'กลางสนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางกลับจากไต้หวัน อ้างหมุนเงินไม่ทัน จึงปิดกิจการไปตั้งหลักที่อเมริกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2565 กรณีคืบหน้ามีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเฟรนไชด์ดารุมะซูชิ ภายหลังจัดทำโปรโมชั่นราคาถูก เมื่อมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ก่อนปิดร้านหลบหนีไป ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
มีรายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนนายเมธา ชลิงสุข อายุ 42 ปี เจ้าของแบรนด์ 'ดารุมะ' ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้แล้วเมื่อเช้าวันเดียวกัน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังจากนั่งเครื่องบินกลับมาจากไต้หวัน ขณะนี้กำลังนำตัวมาที่ บก.ปคบ.โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จะทำการสอบปากคำด้วยตนเอง
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. สามารถจับกุมตัวเจ้าของแฟรนไชส์ดารุมะซูชิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา 'ฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์' ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และจะนำตัวเข้าสอบปากคำที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ต่อไป
เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ. และตัวแทนจากหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security) ร่วมแถลงผลการจับกุม บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด โดยนายเมธา ชลิงสุข ในฐานะนิติบุคคล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1266/2565 ลง 22 มิ.ย. 2565 และ นายเมธา ชลิงสุข อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1267/2565 ลง 22 มิ.ย. 2565 ข้อหา 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน' พร้อมของกลางเงินสด 20,186 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 710,000 บาท โดยจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559 บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด ได้มีการจดทะเบียนบริษัทเพื่อประกอบกิจการร้านอาหาร เครื่องดื่ม โดยมีนายเมธาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
ต่อมาบริษัทได้ทำการประกาศขายคูปองบุพเฟต์อาหารญี่ปุ่นทางเพจเฟซบุ๊กให้กับประชาชนในราคา 199 บาท จนผู้เสียหายที่มีความสนใจ ซื้อคูปองดังกล่าวจำนวนมาก
นอกจากนี้ทางบริษัทได้มีการเปิดให้มีการชื้อแฟรนไชส์ด้วยเช่นกัน จนปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 27 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ต่อมาวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ร้านดารุมะซูชิ ได้มีการปิดกิจการทุกสาขา รวมถึงประชาชนไม่สามารถติดต่อทางบริษัทและนายเมธาได้ จนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
ผู้เสียหายจึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญา
กระทั่งวันนี้ (22 มิ.ย.) เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงนำกำลังตอดตามจับกุมได้กังกล่าว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ให้การว่าการเงินขาดสภาพคล่อง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงทำการออกคูปองบุฟเฟต์ราคา 199 บาทเมื่อช่วงต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพราะมีปัญหาการเงินอย่างหนัก เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในระบบ
แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบกับถูกทวงหนี้จำนวนกว่า 100 ล้านอย่างหนัก จึงหลบหนีไปตั้งหลักที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยมีการเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายหลังได้รับชมข่าว ประกอบถูกกดดันอย่างหนัก จึงเดินทางกลับมายังประเทศไทยโดยเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน
ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยเบื้องต้นได้นำตัวส่งนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว และจะคัดค้านการประกันตัวในขั้นศาล โดยจะทำการฝากขังในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.)
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถอายัดเงินได้หลักแสนบาท และสามารถตรวจยึดเงินสดได้ประมาณ 710,000 บาท
หลังจากนี้ ทางตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลในเรื่องเส้นทางการเงินว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปที่บุคคลอื่นหรือไม่
หากพบว่ามีเส้นทางการเงินไปถึงบุคคลใด ก็จะเข้าข่ายกระทำความผิดฐานฟอกเงิน รวมถึงขยายผลในเรื่องผู้ร่วมขบวนการ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่ายังมีผู้ก่อเหตุคือนายเมธาเพียงคนเดียว
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ล่าสุด มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งงความ ด้วยตนเองมากกว่า 100 คนและแจ้งความทางออนไลน์มากกว่า 300 คน แต่จากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียหายหลายพันคน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้ ได้มีการรายงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ทั้งที่ บก.ปคบ. และสถานีตำรวจในท้องที่
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหามีปัญหาหนี้สินจากการประกอบธุรกิจ และไม่สามารถหาเงินไปชำระค่าวัตถุดิบ ทำให้ผู้ผลิตสินค้าและนำมาจำหน่ายให้กับบริษัท ไม่ส่งของเข้ามา จนเป็นเหตุให้ร้านไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทดารุมะ ซูชิ กว่า 303,447,243 บาท
สำหรับความเสียหายพบว่ามียอดขายคูปองวอยเชอร์ผ่านแอพฯ 174,177 ใบ ลูกค้ากว่า 33,002 คน คิดเป็นมูลค่า 27,070,915 บาท และมูลค่าความเสียหายจากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มาทำธุรกิจ อีก 17,500,000 บาท