ครม.อนุมัติงบกลางปี 2565 ให้ สธ.สานต่อแก้ไขปัญหา-เยียวโควิด-19 กว่า 1.3 พันล้านบาท จนถึงเดือน ธ.ค. แบ่งเป็น จัดซื้อยาโมนูพิราเวียร์ 500 ล้านบาท จำนวน 2 ล้านเม็ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระยะการระบาดระลอก เม.ย. 2564 ประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,334.945 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 หน่วยงาน ดังนี้
1. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 528.4 ล้านบาท
2. กรมการแพทย์ จำนวน 500 ล้านบาท ใช้สำหรับจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ 5 หมื่นคอร์ส จำนวน 2 ล้านเม็ด
3. กรมควบคุมโรค จำนวน 58.165 ล้านบาท
4. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จำนวน 248.38 ล้านบาท
โดย ครม.ได้อนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินกิจกรรมและใช้จ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีและเงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้มีมติให้ความเห็นชอบแล้ว ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2564, 5 พ.ค. 2564 และ 10 ส.ค. 2564 ซึ่งขยายเวลาไปจนถึงเดือน ธ.ค. 2564
น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระยะการระบาดระลอก เม.ย. 2564 ประจำปีงบประมาณ 2565 มีวัตถุประสงค์ 4 ด้าน ประกอบด้วย
1. ด้านการสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) หรือดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามหลักการแพทย์และสาธารณสุข
2. ด้านการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ ทำให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่ และมีความปลอดภัยจากการเสียชีวิตจากโควิด-19 รวมถึงการรักษาระดับความมั่นคงด้านสาธารณสุขได้อย่างต่อเนื่อง
3. ด้านฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัว มีอัตราเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นไปตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล
4. ด้านเสริมสร้างสังคมและวัฒนธรรม ให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมด้านสังคมและวัฒนธรรมตามเดิมได้ โดยยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค DMHTTA
ทั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชากรในประเทศไทย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติงานด่านหน้า กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ได้รับการดูแลป้องกัน รักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง สะดวก และรวดเร็ว
ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้รับการดูแลรักษาจากหน่วยบริการสถานพยาบาลตามระบบการสาธารณสุขที่รัฐจัดให้ตามสิทธิที่พึงได้ ระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2564
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage