‘อดีตพนง.การบินไทย’ ร้อง ‘มนัญญา-กรมส่งเสริมสหกรณ์’ ช่วยเหลือ กรณีถูก ‘บริษัท-สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ’ หักเงินค่าชดเชยเลิกจ้าง-บำเหน็จ คืนหนี้คืนหนี้เงินกู้สหกรณ์ฯ ฝ่าฝืนระเบียบ ส่งผลให้อดีตพนักงานบางราย ไม่เหลือเงินดำรงชีพช่วงตกงาน
.............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ตัวแทนอดีตพนักงาน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกบริษัทฯเลิกจ้างไปเมื่อเดือน พ.ค.และ ก.ค.2564 ที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับดูแลกรมส่งเสริมสหกรณ์ และนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยขอให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ วินิจฉัยการใช้อำนาจของคณะกรรมการเร่งรัดหนี้และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ของ สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด
สำหรับหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ตามที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำการเลิกจ้างพนักงาน 2 ครั้ง กล่าวคือ ครั้งที่ 1 จำนวนพนักงาน 508 คน เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564 และครั้งที่ 2 จำนวนพนักงาน 854 คน เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2564 ซึ่งในวันที่การเลิกจ้างมีผลต่อพนักงานทั้งสองกลุ่มนั้น พนักงานยังคงเป็นสมาชิกสหกรณ์อยู่ และมิได้ลาออกหรือเกษียณอายุ
แต่สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด โดย คณะกรรมการเร่งรัดหนี้และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ได้มีการประชุมและลงมติให้บริษัทฯ ทำการหักเงินจากการถูกเลิกจ้าง ได้แก่ ค่าชดเชย ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าบำเหน็จ ของสมาชิกโดยทันทีในวันที่การเลิกจ้าง ทั้งๆที่สมาชิกที่ถูกเลิกจ้างทั้งสองกลุ่มยังคงสถานภาพการเป็นสมาชิกของสหกรณ์อยู่และมิได้ลาออกหรือเกษียณอายุแต่อย่างใด
จากการกระทำของคณะกรรมการเร่งรัดหนี้และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์นั้น เห็นได้ว่า คณะกรรมการเร่งรัดหนี้และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ใช้อำนาจหน้าที่ในการลงมติ ละเมิด ฝ่าฝืน ปฏิบัติ โดยมิชอบ ซึ่งขัดต่อสัญญาเงินกู้ ข้อบังคับสหกรณ์ ในข้อ 19, ข้อ 34(3), ข้อ 44 ระเบียบของสหกรณ์ และพ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 ในมาตรา 42/1 โดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์สหกรณ์หลักการสหกรณ์ รวมทั้งวัตถุประสงค์สหกรณ์
จึงเป็นเหตุให้สมาชิกที่ถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหันจำนวนหลายร้อยคน รวมทั้งสมาชิกที่ได้ร่วมลงลายมือชื่อท้ายหนังสือฉบับนี้ต้องได้รับความเดือดร้อนทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสยิ่ง นอกจากจะถูกเลิกจ้างแล้วยังไม่เหลือเงินสักบาทเพื่อดำรงชีพในช่วงเวลาที่ตกงานและประเทศชาติกำลังตกอยู่ในสภาวการณ์แพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า (COVID-19)
“ในการนี้ จึงขออนุญาตนำเรียนเอกสารการร้องขอให้ตรวจสอบการหักเงินสมาชิกโดยมิชอบของคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ลงวันที่ 26 ต.ค.2564 มายังท่าน เพื่อได้โปรดวินิจฉัย ตรวจสอบ การลงมติของคณะกรรมการเร่งรัดหนี้และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์
ดังนั้น หากปรากฎว่าการลงมติของคณะกรรมการเร่งรัดหนี้และคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ละเมิด ฝ่าฝืน ปฏิบัติ โดยมิชอบแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดสั่งการ ใช้อำนาจตามมาตรา 20 และมาตรา 22 หรือมาตราอื่นใด แห่งพ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 ในการเพิกถอนมติหรือคำสั่งของคณะกรรมการทั้งสองชุดดังกล่าว และโปรดคืนความเป็นธรรมพร้อมกับมีมาตรการให้ผู้กระทำมิชอบด้วยกฎหมายชดใช้เยียวยาให้แก่มวลสมาชิกสหกรณ์” หนังสือระบุ
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า หลังยื่นหนังสือร้องเรียน ตัวแทนอดีตพนักงาน บริษัท การบินไทย ซึ่งถูกเลิกจ้าง ได้ขอคำแนะนำจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่นิติกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้ข้อแนะนำว่า เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบรายละเอียดข้อสัญญาต่างๆให้ชัดเจนก่อน
หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า การกระทำของบริษัท การบินไทย และคณะกรรมการเร่งรัดหนี้ รวมถึงคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ของสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทยฯ ดังกล่าว เป็นการปฏิบัตินอกเหนือสัญญาเลิกจ้างหรือระเบียบสหกรณ์ เช่น หักเงินอดีตพนักงานการบินไทยโดยที่ไม่มีการระบุในสัญญาเลิกจ้างหรือขัดต่อระเบียบสหกรณ์ฯอดีตพนักงานฯที่ถูกหักเงินไป สามารถดำเนินคดีกับบริษัทฯและคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ในข้อหายักยอกทรัพย์ได้
อย่างไรก็ตาม นิติกรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เสนอทางออกว่า เพื่อให้สหกรณ์ฯได้รับเงินคืนไปส่วนหนึ่ง และอดีตพนักงานการบินไทยยังมีเงินเหลือพอที่จะไปเริ่มต้นประกอบอาชีพใหม่ หรือใช้ยังชีพในช่วงตกงาน เป็นไปได้หรือไม่ที่อดีตพนักงานการบินไทยและสหกรณ์ฯจะทำข้อตกลงกันระหว่างกัน เช่น ให้อดีตพนักงานฯชำระหนี้บางส่วน เช่น 5-10% ของหนี้ทั้งหมด ส่วนหนี้สินที่เหลืออยู่ ก็ให้อดีตพนักงาน ซึ่งยังมีฐานะเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาต่อไป
ทั้งนี้ ตัวแทนอดีตพนักงานการบินไทย ยืนยันว่า พวกตนไม่คิดที่จะเบี้ยวหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทยฯแต่อย่างใด และแม้ว่าพวกตนจะพ้นสภาพการเป็นพนักงานบริษัทการบินไทยแล้ว ก็ยังคงเป็นสมาชิกสหกรณ์อยู่ ส่วนหนี้สินที่มีอยู่เดิมนั้น ก็ผ่อนชำระตามงวดสัญญากู้เงินตามเดิม แต่การที่สหกรณ์ฯร่วมกับบริษัทหักเงินของพนักงานที่ถูกเลิกจ้างไปเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ในคราวเดียว ทำให้อดีตพนักงานบางคนไม่มีเงินเหลือพอยังชีพในช่วงที่ตกงาน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage