เจ้าหน้าที่ร่วมกันแถลงผลยุทธการ 'ลูกแกะน้อยออนไลน์' จับกุมขบวนการค้ามนุษย์ ทลายเครือข่ายทั่วประเทศ พบเบื้องต้นจับผู้ต้องหาได้ 18 ราย ช่วยเหยื่อเป็นเด็กต่ำกว่า 18 ปี ได้ 40 ราย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่ห้องประชุม 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์บก.ปคม. ชั้น 4 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการคำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ DSI , เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง , ผู้แทน พม. , มูลนิธิ OUR , กระทรวงแรงงาน และอื่น ๆ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ ภายใต้ยุทธการ “ลูกแกะน้อย ออนไลน์” ซึ่งมีเครือข่ายทั่วทั้งประเทศ ตามหมายจับคดีค้ามนุษย์ ได้ผู้ต้องหา 10 คน และมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี กว่า 40 ราย
พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ สืบสวนขยายผล โดยมอบหมายให้ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลัก ต่อมาจึงได้ร่วมมือกันกับ กรมการปกครอง และ องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวด์ เรลโรด (OUR) สืบสวนในกรณีที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง มีพฤติการณ์ชักชวนให้บุคคลทั่วไป ให้มาซื้อบริการทางเพศเด็กผู้หญิงอายุตั้งแต่ 13-18 ปี กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงเริ่มสืบสวนโดยให้เจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าเป็นสมาชิกไลน์กลุ่มที่มีผู้ต้องหาเป็นแอดมิน ทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็กและเยาวชน จากนั้นจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ได้
พล.ต.อ.รอย กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ นำโดย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. ร่วมกับ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำความผิดทั้งระบบ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายโมเดลลิ่ง ที่นำเด็กมาขายบริการทางเพศในสื่อสังคมออนไลน์อยู่ทั่วประเทศ จนสามารถดำเนินคดีค้ามนุษย์กับกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวน 16 คดี ผู้ต้องหา 18 ราย (จับกุมได้ทั้ง 18 ราย) และสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กได้จำนวน 11 ราย และยังพบข้อมูลว่ามีกลุ่มผู้ที่อาจถูกแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกว่า 40 ราย
ต่อมาเช้าวันนี้ 28 ตุลาคม กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ สนธิกำลังอีกครั้งปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม (Operation) ผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์เครือข่ายโมเดลลิ่งขายบริการทางเพศเด็กออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 6 เป้าหมายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จับกุมได้ทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นผู้ต้องหาที่นำพาเด็กหญิงมาขายบริการทางเพศ จำนวน 4 เป้าหมาย ในความผิดฐาน ”สมคบกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีฯ” ตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน 4 ราย ได้แก่
1.)น.ส.พัชรพรฯ หรือ โม(โมเดลลิ่ง)หมวยลี่ อายุ 21 ปี อยู่ที่ จ.กำแพงเพชร
2.)น.ส.สุธิดาฯ หรือ โมข้าว อายุ 21 ปี อยู่ที่ จ.ชลบุรี
3.)น.ส.อรอนงค์ฯ หรือ โมมิ้น อายุ 24 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
4.)น.ส.ลภัสรดาฯ หรือ โมนก อายุ 41 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
และผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี อีก 2 เป้าหมาย ในความผิดฐาน“พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารฯ” จำนวน 2 ราย ได้แก่
1.)นายณรงค์เวทย์ฯ อายุ 45 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
2.)นายอัครเดชฯ อายุ 31 ปี อยู่ที่ จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ภายใต้ยุทธการดังกล่าวยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้างเก่าในความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ ซึ่งมีการกระทำความผิดในรูปแบบเดียวกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ได้อีกจำนวน 4ราย ได้แก่
1.) น.ส.เครือฟ้าฯ หรือ โมอชิ อายุ 24ปี อยู่ที่ จ.ตรัง
2.) นายสมชายฯ หรือ โมป๊า ATM AGENCY อายุ 60 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
3.) น.ส.พิชาวีร์ฯ หรือ โมวาย อายุ 44 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
4.) น.ส.นัฐภัทสกรฯ หรือ โมภัทร อายุ 40 ปี อยู่ที่ กรุงเทพมหานคร
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาทั้งหมดเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ
สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้ จะโพสต์หาผู้ที่สนใจผ่านกลุ่มไลน์ มีรูปแบบงาน 3 แบบ แบ่งเป็น งานเอนเตอร์เทนลูกค้า แต่ไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ ,งานเอ็นวีไอพี คือ เอนเตอร์เทนและมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้า และ งานเอนอัพวี คือ เอนเตอร์เทน มีเพศสัมพันธ์ และต้องเสพยาเสพติดด้วย ได้เงินวันละ 15,000 บาท หักให้โมเดลลิ่ง 3,000 บาท เบื้องต้นทราบว่ามีเหยื่อกว่า 40 คน สามารถช่วยเหลือได้ 3 คน
ด้าน พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ขอเตือนภัยไปยังผู้ปกครองของเด็กหญิงทั่วไปที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ขอให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินตัวกว่ารายได้ที่ผู้ปกครองมอบให้หรือไม่ และควรมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของบุตรหลานว่ามีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กหลงเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์เช่นนี้ และฝากเตือนเด็กเยาวชนที่คิดจะกระทำผิดเช่นนี้ เพียงเพราะเห็นแก่เงินรายได้ไม่เท่าไหร่ และคิดว่าทำไปก็ไม่มีใครรู้ ให้พึงระลึกว่าแม้วันที่กระทำผิดอาจจะไม่มีใครรู้หรือถูกจับได้ แต่ร่องรอยพยานหลักฐานต่างๆของการกระทำผิดนี้ จะยังคงมีอยู่ตลอดไป และหากวันใดที่ผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ ก็อาจถูกนำกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ส่วนผู้ซื้อบริการทางเพศ อย่าเพียงเพราะเห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคิดว่ากระทำไปแล้วไม่มีใครรู้หรือจับได้ ขอให้พึงระลึกเช่นกันว่าพยานหลักฐานการกระทำผิดก็จะยังคงอยู่ และสามารถนำมาดำเนินคดีได้ในภายหลังภายในอายุความ
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นเอเย่นต์หรือนายหน้าค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะเห็นแก่รายได้ส่วนต่างจากการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ และเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง จำคุกกว่า 10 ปี อีกทั้งคดีดังกล่าวมีอายุความถึง 20 ปี หากประชาชนท่านใดมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อน จากการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ชั้นที่ 4 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210 โทร 0 2142 1068, สายด่วน 1191 หรือเพจเฟสบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
ขณะที่ พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งประเทศไทย (Thailand Anti Trafficking In Persons ) หรือ TATIP เปิดเผยว่า การปราบปรามการค้ามนุษย์ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เป็นการทำแบบลูบหน้าปะจมูกเพื่อเร่งสร้างผลงานในช่วงนี้เท่านั้น ซึ่งหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้เร่งจับกุมกลุ่มกระบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากจะมีการรวบรวมรายงานประจำปี เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) จากหลายประเทศ ซึ่งเป็นรายงานที่กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี ตามกฎหมายว่าด้วยการปกป้องเหยื่อการค้ามนุษย์ (Trafficking Victims Protection Act of 2000 หรือ TVPA) เพื่อรายงานต่อรัฐสภาสหรัฐ
สำหรับฐานความผิดของผู้ต้องหากลุ่มผู้ต้องหาค้ามนุษย์ และผู้ต้องหาที่เป็นองค์กรอาชญากรรมเครือข่ายสมคบกันค้ามนุษย์ เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหาไว้ 8 ข้อหา ประกอบด้วย
1.) สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทางเพศในรูปแบบอื่นโดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี และ ได้กระทำความผิดตามที่ได้ตกลงกันไว้ (พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 52 (แก้ไขเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 และแก้ไขเพิ่มเติมโดย พรก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมนุษย์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2562) อัตราโทษสูงสุดจำคุก 15 ปี ปรับตั้งแต่ 600,000 – 1,500,000 บาท
2.) ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี (พ.ร.บ.ค้ามนุษย์มาตรา 4,6 และ 52 วรรคสอง ) อัตราโทษสูงสุด จำคุก 15 ปี ปรับตั้งแต่ 600,000 – 1,500,000 บาท
3.) ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี (พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 4, 9 วรรคสอง) อัตราโทษสูงสุดจำคุก 15 ปี ปรับ 300,000 บาท
4.) ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมก็ตามซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี (ป.อาญา มาตรา 83, 91, 282 วรรคสอง) (มาตรา 91 แก้ไขเพิ่มเติม ป.อาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526) อัตราโทษสูงสุดจำคุก 15 ปี ปรับ 300,000 บาท
5.) ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม(ป.อาญา มาตรา 282 วรรคหนึ่ง) อัตราโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท
6.) ร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ โดยการช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่นรับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีซึ่งผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณีและจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ให้บริการ (ป.อาญา มาตรา 286 (1), (2), (4) ) (แก้ไขเพิ่มเติม ป.อาญา (ฉบับที่ 27) พ.ศ. 2562) อัตราโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี ปรับ 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
7.) ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย (ป.อาญา มาตรา 319 แก้ไขเพิ่มเติม ป.อาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. ๒๕๓๐) อัตราโทษสูงสุด จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท
8.) ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะ ทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิดและกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด (พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 4, 26 (3)(9), 78) อัตราโทษสูงสุดจำคุก 3 เดือนปรับ 30,000 บาท
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/