‘ศาลปกครองเพชรบุรี’ พิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตฟาร์มเลี้ยงไก่ กำนัน ‘สมควร สลับเขียว’ จ.ราชบุรี หลังชุมชุนรอบฟาร์มให้ความเห็นชอบไม่ถึง 75% ขณะที่ ‘ศรีสุวรรณ’ เตรียมยื่น ‘ป.ป.ช.’ ตรวจสอบ ‘นายก อบต.รางบัว’
..............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ศาลปกครองเพชรบุรี พิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ เล่มที่ 2/2562 เลขที่ 009/2562 ลงวันที่ 11 ก.ย.2562 และคำสั่งอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562 ที่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ออกให้แก่นายสมควร สลับเขียว (ผู้ร้องสอดที่ 1) โดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่มีคำสั่งออกใบอนุญาตและคำสั่งอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ ให้ยก
อนึ่ง มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือ วิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา กล่าวคือ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2ห้ามมิให้ผู้ร้องสอดที่ 1 ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ ที่ได้รับความเห็นชอบจากประชาคมหมู่บ้านหรือแหล่งชุมชนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประการอื่นที่กฎหมายกำหนดไว้
สำหรับคดีนี้ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และพวกรวม 43 คน ฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 43 คน ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย อันเนื่องจากการที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ให้แก่นายสมควร สลับเขียว และนางสาวกาญจน์วรัท แววทับเทศ (ผู้ร้องสอดที่ 1 และที่ 2) ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 12 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เพื่อทำการเลี้ยงไก่นับแสนตัว โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการประกอบกิจการเลี้ยงไก่ดังกล่าวยังก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่
จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทเลี้ยงไก่ และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
ศาลปกครองเพชรบุรีวินิจฉัยความสรุปว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีครัวเรือนที่อยู่ในรัศมี 1,500 เมตร จากฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดที่ 1 ที่ให้ความเห็นชอบให้ผู้ร้องสอดที่ 1 ทำการเลี้ยงไก่ได้เพียงร้อยละ 72.83 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีดังกล่าว กรณีจึงเป็นการให้ความเห็นชอบที่ไม่ถึงร้อยละ 75 ของครัวเรือน ตามนัยข้อ 7 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับวรรคสอง ของข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ.2555
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ เล่มที่ 2/2562 เลขที่ 009/2562 ลงวันที่ 11 ก.ย.2562 และคำสั่งอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562 ให้แก่ผู้ร้องสอดที่ 1 จึงเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนกรณีฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดที่ 2 (นางสาวกาญจน์วรัท แววทับเทศ) ปรากฏว่า มีครัวเรือนที่อยู่ในรัศมี 1,5000 เมตร จากฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดที่ 2 ที่ให้ความเห็นชอบให้ผู้ร้องสอดที่ 2 ทำการเลี้ยงไก่ได้ร้อยละ 77.53 กรณีจึงเป็นไปตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับวรรคสอง ของข้อบัญญัติดังกล่าว การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ และคำสั่งอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องสอดที่ ๒ จึงไม่ใช่เป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับกรณีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว) ละเลยต่อหน้าที่ในการควบคุมการประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดทั้งสองไม่ให้ก่อให้เกิดเหตุรำคาญตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ นั้น
เห็นว่า เมื่อผลการตรวจสอบของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญของศาลที่รายงานผลการตรวจสอบเหตุเดือดร้อนรำคาญ อันเนื่องจากการประกอบกิจการของฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดทั้งสอง ทั้งในส่วนผลการตรวจสอบระดับเสียงรบกวน การตรวจสอบฝุ่นละอองในบรรยากาศทั่วไป การตรวจสอบเรื่องกลิ่นและการตรวจสอบคุณภาพน้ำจากการประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดทั้งสอง นั้น
รับฟังได้ว่า มีค่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ละเลยต่อหน้าที่ในการควบคุมการประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ของผู้ร้องสอดทั้งสองไม่ให้ก่อให้เกิดเหตุรำคาญตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติแต่อย่างใด
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า กรณีศาลปกครองเพชรบุรีมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงไก่ เล่มที่ 2/2562 เลขที่ 009/2562 ลงวันที่ 11 ก.ย.2562 และคำสั่งอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562 ที่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ออกให้แก่นายสมควร สลับเขียว (ผู้ร้องสอดที่ 1) นั้น
สมาคมฯเห็นว่า นายก อบต.รางบัว และเจ้าของฟาร์มดังกล่าว ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงกำนัน ถือได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 การอนุญาตและการมาดำเนินการจัดทำฟาร์มเลี้ยงไก่โดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย อาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ และอาจมีความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับด้วย สมาคมฯจึงจะนำคำพิพากษาไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดตามกฎหมายต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage