‘วิจัยกรุงศรี’ ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 64 เหลือโต 0.6% จากเดิม 1.2% หลังการแพร่ระบาดโควิดเลวร้ายกว่าที่คาด ส่งผลให้ต้อง ‘ล็อกดาวน์’ นานขึ้น
.........................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 โดยคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 0.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.2% เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่อ่อนแอลง เพราะการระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่เลวร้ายกว่าคาดจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์เข้มงวดนานขึ้นและขยายวงกว้างพื้นที่สีแดงเข้ม
นอกจากนี้ การระบาดแพร่ระบาดที่ลุกลามไปยังกลุ่มโรงงาน ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางภาคอุตสาหกรรม
“แม้บางกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่สีแดงเข้มจะเริ่มกลับมาดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไขข้อกำหนดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน แต่การระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่เลวร้ายกว่าคาดจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์เข้มงวดนานขึ้นและขยายวงกว้างพื้นที่สีแดงเข้ม นอกจากนี้ การระบาดที่ลุกลามไปยังกลุ่มโรงงาน ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางภาคอุตสาหกรรม ปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะกระทบต่อ GDP รวม -2.9% ซึ่งในการประมาณการครั้งก่อนเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ได้ประเมินผลดังกล่าวไว้แล้ว -2.0%
ดังนั้น ผลกระทบเชิงลบที่เพิ่มเติมจากการระบาดของ COVID-19 ต่อ GDP ปี 2564 ในประมาณการครั้งล่าสุดคือ -0.9% สำหรับผลเชิงบวก คาดว่าจะมีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการเพิ่มเติมในปีนี้อีกราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุน GDP ได้ +0.3% ผลกระทบสุทธิต่อการเติบโตของ GDP ในปีนี้โดยรวมแล้วจึงคาดว่าจะะลดลงจากคาดการณ์เดิม -0.6% วิจัยกรุงศรีจึงปรับลดประมาณการ GDP ไทยปีนี้เติบโตเหลือ 0.6% จากเดิมคาด 1.2%” วิจัยกรุงศรี ระบุ
วิจัยกรุงศรี ยังระบุว่า จากแบบจำลองของวิจัยกรุงศรีบ่งบอกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยอัตราการเสียชีวิตจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ และในกรณีเลวร้ายที่สุด จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจมีจำนวนสูงตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และวัคซีนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลให้ยังคงมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดจนถึงเดือนพฤศจิกายน
“จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อันมีสาเหตุมาจากสายพันธุ์เดลต้าที่เป็นสายพันธุ์หลักในช่วงที่ผ่านมา แบบจำลองกรณีฐานของกรุงศรีระบุว่ามีแนวโน้มที่อัตราการเสียชีวิตรายวันจะสูงสุดในกลางเดือนกันยายน โดยอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงจะเป็นปัจจัยในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐในปลายเดือนกันยายน ถึงแม้ว่ามาตรการควบคุมการแพร่ระบาด (non-pharmaceutical interventions) จะยังคงอยู่ตลอดปีนี้ก็ตาม” วิจัยกรุงศรี ระบุ
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวอยู่ในภายใต้ข้อสมมติว่าจะมีการฉีดวัคซีนตกวันละ 250,000 โดส และประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 50% การระดมฉีดวัคซีน ประสิทธิภาพของวัคซีน และประสิทธิภาพของมาตรการล็อกดาวน์ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญต่อการควบคุมการระบาดในประเทศว่าจะยาวนานเพียงใด
วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า ในระยะข้างหน้า การส่งออกของสินค้าไทยยังคงได้แรงสนับสนุนจากหลายปัจจัย ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทยอยเพิ่มขึ้น การกลับมาดำเนินการของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว การผ่อนคลายลงของภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และการอ่อนค่าของเงินบาท
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศมีเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงและแพร่เข้าสู่ภาคการผลิต ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานและการปิดชั่วคราวในบางโรงงาน ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกบางสาขา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เน้นใช้แรงงาน
“แม้แรงส่งจากปัจจัยภายนอกแข็งแกร่งและสัญญาณเชิงบวกจากตัวเลขส่งออกล่าสุดที่ยังเติบโตมากกว่าคาด แต่ปัจจัยลบภายในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี วิจัยกรุงศรีจึงยังคงประมาณการการเติบโตของการส่งออกของปีนี้ไว้ที่ 13.5% เทียบกับในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ที่เติบโต 16.2% (บนฐานข้อมูลกระทรวงพาณิชย์)” วิจัยกรุงศรีระบุ
อ่านประกอบ :
คาดติดเชื้อ 2.6 หมื่นต้นก.ย.!‘วิจัยกรุงศรี’ ชี้ศก.ขาลง-‘กสิกรไทยฯ’ มองจีดีพีลบ 0.5%
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage