ธปท. จับมือ 29 สถาบันการเงินเซ็น MOU พัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน ขณะที่ 10 สถาบันการเงิน นำร่องบริการรับส่งข้อมูล bank statement ทางดิจิทัลนี้ ม.ค.2565
..........................
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของไทยที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินที่สะดวกขึ้นและมีต้นทุนถูกลง โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้ปริมาณการใช้ธุรกรรมทางการเงินดิจิทัลเติบโตแบบก้าวกระโดด ข้อมูลที่เกิดจากบริการทางการเงินเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สำคัญของระบบการเงิน
แต่ปัจจุบันระบบสถาบันการเงินยังขาดกลไกการเชื่อมโยงข้อมูล และมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลระหว่างกัน ทำให้ประชาชนยังไม่ได้รับประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้อย่างเต็มที่ การเรียกใช้ข้อมูลของตนเองจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเพื่อขอใช้บริการกับสถาบันการเงินอีกแห่งหนึ่ง ยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องขอข้อมูลในรูปแบบเอกสารกระดาษ ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวก สร้างต้นทุนที่ไม่จำเป็น และยังมีส่วนในการจำกัดการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการด้วย
ธปท. เล็งเห็นความจำเป็นในการเร่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของบริการทางการเงินดิจิทัล และได้ผลักดันให้เกิดโครงการความร่วมมือระหว่างธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารนานาชาติ รวมทั้งสิ้น 29 แห่ง โดยได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน” ในวันนี้ (8 ก.ค.)
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว จะช่วยพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลการเงินของตนเองได้สะดวกขึ้น ได้รับบริการในระยะเวลาที่สั้นลงและมีต้นทุนถูกลง
สำหรับบริการแรกภายใต้กรอบความร่วมมือที่ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ คือ การรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก (bank statement) ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลระหว่างสถาบันการเงิน ที่ประชาชนจะสามารถเรียกข้อมูล bank statement จากสถาบันการเงินหนึ่ง เพื่อนำไปใช้ขอสินเชื่อกับอีกสถาบันการเงินหนึ่งผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยลดภาระการเดินทางและระยะเวลาในการดำเนินการขอและรับส่งข้อมูลลงอย่างมาก
ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินจะสามารถลดต้นทุนการตรวจสอบและประมวลผลด้านเอกสาร รวมถึงลดความเสี่ยงที่เอกสารอาจถูกปลอมแปลงได้อีกด้วย
ทั้งนี้ บริการรับส่งข้อมูล bank statement ทางดิจิทัลนี้ จะเริ่มให้บริการภายในเดือน ม.ค.2565 โดยมีสถาบันการเงินพร้อมให้บริการ 10 แห่ง ซึ่งครอบคลุมกว่าร้อยละ 98 ของบัญชีเงินฝากทั้งหมดของประชาชนในระบบธนาคารไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
“ความร่วมมือในการพัฒนาและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงินนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของทุกฝ่าย ที่จะร่วมกันพัฒนาบริการทางการเงินไปสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และ ธปท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือของภาคธนาคารในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นหรือเป็นต้นแบบที่ขยายไปสู่ความร่วมมือในลักษณะเดียวกันของภาครัฐและภาคเอกชน จนเกิดระบบนิเวศด้านข้อมูลของประเทศที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลได้สะดวกและรวดเร็ว และผู้ให้บริการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
สำหรับสถาบันการเงิน 29 แห่ง ที่เข้าร่วมลงนามความร่วมมือครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น.เอ. สาขากรุงเทพฯ ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ สาขากรุงเทพฯ
ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น สาขากรุงเทพฯ ธนาคารมิซูโฮ จำกัด สาขากรุงเทพฯ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด สาขากรุงเทพฯ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารอินเดียนโอเวอร์ซีส์ สาขากรุงเทพฯ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส สาขากรุงเทพฯ และธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/