ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนไม่รับฟ้องคดี ‘ธีระชัย-พวก’ กล่าวหา ‘นายกฯ-ครม.’ อนุมัติสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ขัดกฎหมาย-รัฐเสียเปรียบ เหตุไม่ได้อยู่ในฐานะผู้เสียหายหรือได้รับความเดือดร้อน
.......................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ในคดีที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้องขอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) กับเอกชน และยกเลิกสัญญาร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว
เนื่องจากปรากฎตามคำฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสองเป็นเพียงผู้เสียภาษีและผู้บริโภคที่ใช้บริการรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้ฟ้องคดีที่ 2 เป็นพนักงานบำนาญ โดยเป็นประธานสมาพันธ์คนงานรถไฟ และเป็นที่ปรึกษาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟ เท่านั้น มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับการอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินกับเอกชน หรือกระบวนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน หรือเป็นคู่สัญญาตามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนตามโครงการดังกล่าวที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาซึ่งเป็นสัญญาทางปกครองแต่อย่างใด
ผู้ฟ้องคดีทั้งสองจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
และเมื่อสิทธิในการฟ้องคดีของผู้ฟ้องคดีทั้งสองต้องห้ามโดยกฎหมายดังกล่าว อันเป็นการเข้าข้อยกเว้นของการห้ามใช้สิทธิตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้ว ผู้ฟ้องคดีทั้งสองจึงไม่อาจอ้างการใช้สิทธิดังกล่าวถ้าอาจมี ตามที่บัญญัติไว้ในมาตราเดียวกันนี้ได้อีก
สำหรับคดีนี้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ฟ้องคดี) ยื่นฟ้องศาลปกครองชั้นต้น ว่า ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะรัฐมนตรี) อนุมัติโครงการดังกล่าว ซึ่งต่อมา รฟท. ได้ทำสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินดังกล่าว
โดยผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เงื่อนไขในสัญญายังขัดต่อกฎหมายและทำให้รัฐเสียเปรียบ เนื่องจากไม่มีการกำหนดค่าปรับกรณีเอกชนไม่สามารถดำเนินการเลื่อนย้ายพวงรางให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้เสียภาษีและผู้ใช้บริการของ รฟท. จึงเป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยตรง และผู้ฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะพนักงานบำนาญของ รฟท. มีความเสี่ยงต่อความสามารถของ รฟท. ในการจ่ายเงินบำนาญให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 และพนักงานของ รฟท. ในอนาคต
ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากศาลฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากข้อเท็จจริงตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสองอยู่ในบังคับหรือจะอยู่ในบังคับหรือได้รับผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่โดยตรงจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เห็นชอบและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) รวมทั้งการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนผู้ร่วมลงทุนและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสองอ้างว่า เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีและเป็นผู้ใช้บริการของการรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้ฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะพนักงานบำนาญของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีความเสี่ยงต่อความสามารถของการรถไฟแห่งประเทศไทยในการจ่ายเงินบำนาญให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 และพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยในอนาคตนั้น
เห็นว่า ภาระในการเสียภาษีเงินได้ของผู้ฟ้องคดีทั้งสองขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้ฟ้องคดี และการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองตามคำฟ้องไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อภาระเกี่ยวกับภาษีของผู้ฟ้องคดีทั้งสอง และผู้ฟ้องคดีที่ 2 จะได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายในการรับเงินบำนาญจากการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ เป็นเรื่องในอนาคตที่ยังไม่มีความชัดเจน จึงเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสองมิใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองที่จะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
อย่างไรก็ดี ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
อ่านประกอบ :
นัดอ่านคำสั่งศาล ปค.สูงสุดคดีฟ้อง 'นายกฯ-ครม.' อนุมัติสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ขัด กม.
ครม.ไฟเขียวจัดสรรงบกลาง จ่ายเวนคืนที่ดิน ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน’ เพิ่มอีก 568 ล้าน
ครม.ไฟเขียวเพิ่มงบเวนคืนฯ 'ไฮสปีด 3 สนามบิน' เป็น 5.7 พันล้าน
ไฟเขียวงบ 4.1 พันล้าน! รื้อย้ายสาธารณูปโภคแนว ‘ไฮสปีด 3 สนามบิน’
เซ็นเเล้ว! สัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คาดเปิดบริการปี 66
ครม.เห็นชอบร่างพรฎ.เวนคืนที่ดิน5จว. สร้างไฮสปีดเทรนเชื่อม3สนามบิน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/