คลัสเตอร์เรือนจำติดเชื้อเพิ่ม 207 ราย รักษาหายเพิ่ม 400 ราย กรมราชทัณฑ์ผู้ต้องขังหายป่วยกว่า 93% ภาพรวมการระบาดพื้นที่ กทม.ดีขึ้น ส่วนพื้นที่ปริมณฑล-ต่างจังหวัดยังมีเพิ่ม ด้านรองปลัดกระทรวงยุติธรรมกำชับคุมเข้มทุกเรือนจำ ย้ำเตรียมแผนเผชิญเหตุ-ป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
......................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 207 ราย รักษาหายเพิ่ม 400 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 2,314 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้
สถานการณ์โดยรวม พบว่า เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาดมี 124 แห่ง ลดลง 1 แห่ง จากการตรวจพบผู้ต้องขังติดเชื้อภายในแดนของเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเป็น 10 แห่ง ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นการติดเชื้อจากแดนในเรือนจำสีแดง 138 ราย ตรวจพบเชื้อในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 69 ราย โดยมีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 33,791 ราย หรือกว่า 93% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ชี้การระบาดพื้นที่ กทม. มีผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาต่ำกว่า 2 พันราย และดีขึ้นต่อเนื่อง พร้อมสั่งการทุกเรือนจำและทัณฑสถานเตรียมแผนเผชิญเหตุ
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในขณะที่เรือนจำพื้นที่กรุงเทพมหานครพบการระบาดลดลง และรักษาหายอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัดยังคงพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางสงขลา และทัณฑสถานหญิงสงขลา ซึ่งอยู่ระหว่างการควบคุมสถานการณ์และมีการบริหารจัดการพื้นที่อย่างเป็นระบบแล้ว สำหรับเรือนจำสีแดงใหม่ 1 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ได้ดำเนินการสอบสวนโรคและแยกกลุ่มเสี่ยงออกจากผู้ต้องขังรายอื่นเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้น กรมราชทัณฑ์ ได้สนับสนุนยา เวชภัณฑ์ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ และได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อเตรียมพร้อม หากพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นกลุ่มก้อน โดยคาดว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดที่ยังพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เรือนจำและทัณฑสถานย่อมมีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อจากภายนอกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะจากผู้ต้องขังรับใหม่และจากเจ้าหน้าที่ กรมราชทัณฑ์ จึงได้เน้นย้ำปฏิบัติตามมาตรการกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างเคร่งครัตแบบ 1009 และในส่วนของเจ้าหน้าที่ทุกคน ก็ต้องกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพระบาด ไม่ว่าจะในสถานที่ทำงาน หรือภายในที่พัก โดยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในเรือนจำต้องงดการมีปฏิสัมพันธ์ หรือพูดคุยใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง รักษาระยะห่างระหว่างกัน สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ ปฏิบัติหน้าที่ และที่สำคัญคือหมั่นล้างมือ และงครับประทานอาหารร่วมกัน ตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาตของกระทรวงสาธารณสุข
ด้าน นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า แนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของกรมราชทัณฑ์ขณะนี้ พบว่า ผู้ติดเชื้อระหว่างรักษาของพื้นที่กรุงเทพมหานครเริ่มลดลงเรื่อยๆ โดยผู้ติดเชื้อที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเขียว ซึ่งคาดว่าจะหายเพิ่มอีกกว่า 1 พันราย ในช่วงต้นเดือนนี้ สถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครจึงน่าจะดีขึ้นตามลำดับ ส่วนในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด ยังคงพบผู้ติดเชื้อใหม่ต่อเนื่องในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางสงขลา และทัณฑสถานหญิงสงขลา ซึ่งอยู่ระหว่างควบคุมสถานการณ์และมีการบริหารจัดการพื้นที่อย่างเป็นระบบ สำหรับเรือนจำสีแดงใหม่ 1 แห่ง คือเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ได้ดำเนินการสอบสวนโรคและแยกกลุ่มเสี่ยงออกจากผู้ต้องขังรายอื่นเป็นที่เรียบร้อย โดยทางกรมราชทัณฑ์ ได้สนับสนุนยา เวชภัณฑ์ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
นายวัลลภ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ได้สั่งการให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งเตรียมแผนการเผชิญเหตุ รวมทั้งจัดเตรียมพื้นที่ในการจัดทำโรงพยาบาลสนามเรือนจำ กรณีที่เกิดการแพร่ระบาดขึ้น พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ได้ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ โดยเฉพาะภายนอกที่ยังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรือนจำและทัณฑสถานมีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อ โดยเฉพาะผู้ต้องขังรับใหม่ที่ต้องกักตัวอย่างเคร่งครัด 100% และในส่วนของเจ้าหน้าที่ทุกคน ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะในสถานที่ทำงาน หรือภายในที่พัก งดเข้าพื้นที่เสี่ยง สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ และหมั่นล้างมือ งดรับประทานอาหารร่วมกัน
นายวัลลภ กล่าวถึงการจัดสรรวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ว่า ขณะนี้ได้รับวัคซีนมาแล้วทั้งสิ้น 76,877 โดส เป็นวัคซีนจากการจัดสรรของกรมควบคุมโรค 60,000 โดส และเป็นวัคซีนที่จัดสรรเพิ่มนอกแผน รวมถึงวัคซีนจากแหล่งอื่นรวม 16,877 โดส ซึ่งได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังไปแล้ว ทั้งเข็มแรกและเข็มที่ 2 รวม 45 แห่ง และในส่วนของการดำเนินการต่อจากนี้ ยังอยู่ระหว่างประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องเพิ่มเติม เพื่อกระจายวัคซีนไปยังเรือนจำสีขาวในเขตพื้นที่อื่นๆ จนกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม 2564 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ขณะที่เยาวชนหายป่วยแล้วทั้ง 3 ราย คงเหลือสถานะเจ้าหน้าที่รักษาตัวอยู่ 1 ราย รวมหายป่วยแล้วทั้งสิ้น 92 ราย จากทั้งหมด 93 ราย หรือคิดเป็น 98% ขณะที่สถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีสถานะรวม 39 แห่ง หรือคิดเป็น 70% จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 17 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและ รอผล 7 แห่ง หมดสถานะ 5 แห่ง และติดเชื้อ 5 แห่ง ด้านสถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน ยังคงที่ที่จำนวน 106 ราย จากทั้งหมด 4,371 ราย หรือคิดเป็น 2.4% ขณะที่แน้วโน้มการฉีดวัคซีนของเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3,187 ราย หรือ 72% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,410 ราย ทั้งนี้ กรมพินิจฯ ได้เร่งประสานงานและดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดรับวัคซีนให้ครบทุกคน พร้อมทั้งจัดทำแนวทางหรือมาตรการในการยกระดับการปฏิบัติงานของพนักงานพินิจหรือการจัดเวรในศูนย์ฝึกและอบรมฯ และสถานพินิจฯ ที่อยู่ในสถานะสีเหลือง เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในสถานที่ควบคุมต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage