“…เรื่องเด็กเส้นมันมีแน่ๆอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะปิดมิดแค่ไหน จะเงียบหรือว่าจะโจ่งครึ่ม แต่ปัญหาที่อาจจะตามมา คือ เวลาลูกท่านหลานเธอเข้ามาแล้ว เอาออกยาก จริงอยู่สัญญาจ้างมีแค่ 1 ปี แต่ต้องดูว่าเขาจะมีวิธีซิกแซกอย่างไรให้คนเหล่านี้ได้อยู่ต่อ และที่บอกว่าครั้งนี้จะรับเฉพาะเด็กจบใหม่ ก็ต้องดูว่าจะมีเฉพาะเด็กจบใหม่จริงหรือไม่…”
..........................
การอนุมัติจัดสรรกรอบอัตรากำลัง 'พนักงานราชการเฉพาะกิจ' จำนวน 10,000 อัตรา
เป็นหนึ่งในแนวทางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมุ่งเน้นไปที่การจ้างงาน ‘นักศึกษาจบใหม่’ ระดับปริญญาตรี ซึ่งปัจจุบันตกอยู่ในสถานะว่างงานหลายแสนคน (อ่านประกอบ : จ้าง นศ.จบใหม่ 1 หมื่นอัตรา 'พนักงานราชการเฉพาะกิจ' เงินเดือน 1.8 หมื่นบาท)
จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นชอบข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ซึ่งเป็นไปตามติคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) พบว่า
คพร. เห็นชอบการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะ จำนวนทั้งสิ้น 10,000 อัตรา เฉพาะในกลุ่มงานบริหารทั่วไป โดยมีระยะเวลาจ้างงานไม่เกิน 1 ปี ให้กับหน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาคระดับจังหวัด และหน่วยงานในราชการบริหารส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เป็นหน่วยปฏิบัติรวม 28 ส่วนราชการใน 14 กระทรวง
@จัดสรรอัตรากำลัง ‘หน่วยงาน-จังหวัด’ หน่วยละ 4-7 อัตรา
สำหรับกระทรวงที่ได้รับจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจ 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.กระทรวงแรงงาน 1,774 อัตรา รองลงมาเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1,664 อัตรา และกระทรวงมหาดไทย 1,218 อัตรา
แยกเป็นหน่วยงานราชการส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ท่าอากาศยาน ได้รับจัดสรรหน่วยละ 4-5 อัตรา สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้รับจัดสรรหน่วยละ 6 อัตรา และสำนักงานสรรพสามิตภาค ได้รับจัดสรรหน่วยละ 7 อัตรา
ขณะที่ส่วนราชการในส่วนภูมิภาคระดับจังหวัดนั้น จังหวัดขนาดใหญ่ 26 จังหวัด ได้รับจัดสรรจังหวัดละ 6 อัตรา จังหวัดที่มีขนาดกลาง 22 จังหวัด ได้รับจัดสรรจัดสรร 6 อัตรา และจังหวัดที่มีขนาดเล็ก 28 จังหวัด ได้รับจัดสรรจังหวัดละ 6 อัตรา (อ่านข้อมูลประกอบ)
ส่วนการจ้างงานพนักงานราชการเฉพาะกิจที่กำหนดเวลาไม่เกิน 1 ปี นั้น จะใช้งบทั้งสิ้น 2,254.32 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าตอบแทนพนักงานราชการ (เดือนละ 18,000 บาท/คน) 2,160 ล้านบาท เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม (เดือนละ 750 บาท/คน) 90 ล้านบาท และเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทน (เดือนละ 36 บาท/คน) 4.32 ล้านบาท
@เปิดวิธี ‘สรรหา-เลือกสรร’ พนักงานราชการเฉพาะกิจ
การคัดเลือกพนักงานราชการเฉพาะกิจครั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายและคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นพนักงานราชการเฉพาะกิจกำหนดไว้ว่า “จะต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี” และวิธีการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการเฉพาะกิจค่อนข้าง ‘ยืดหยุ่น’
เนื่องจากการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการเฉพาะกิจดังกล่าว คพร. ให้ยกเว้นการตามประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาและการเลือกสรรพนักงานราชการ และแบบสัญญาจ้างของพนักงานราชการ พ.ศ.2552 และให้ปฏิบัติได้ ดังนี้
1.การประกาศรับสมัคร ให้ส่วนราชการจัดทำประกาศรับสมัคร ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะงาน กลุ่มงานตามลักษณะงาน ชื่อตำแหน่ง ความรับผิดชอบของตำแหน่ง ระยะเวลาการจ้าง ค่าตอบแทนที่จะได้รับ คุณสมบัติและผู้สิทธิสมัคร เงื่อนไขการจ้างอื่นๆ ตลอดจนกำหนดวันและเวลาของกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้อง
โดยขอยกเว้นให้ส่วนราชการอาจระบุหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและเลือกสรรไว้ในประกาศรับสมัครไว้อย่างกว้างๆ เช่น วิธีการประเมินความรู้ ความสามารถ ทักษะ/สมรรรถนะ อาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธี ดังต่อไปนี้ การสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ การทดสอยการปฏิบัติ การพิจารณาแฟ้มผลงาน (Portfolio) ฯลฯ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้สมัคร เพื่อให้ส่วนราชการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาให้เหมาะสมกับจำนวนผู้สมัครได้
2.การขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรร ให้ส่วนราชการประกาศรับสมัครสรรหา และบรรจุบุคคลเป็นพนักงานราชการตามจำนวนกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจที่ได้รับจัดสรร โดยกำหนดอายุบัญชีไม่เกิน 1 ปี โดยไม่เกินวันที่ 30 ก.ย.2565 ทั้งนี้ บัญชีดังกล่าวให้ใช้สำหรับการบรรจุพนักงานราชการเฉพาะกิจเท่านั้น
3.ฝ่ายเลขานุการ คพร. มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการ ซึ่งอาจดำเนินการสรรหาและเลือกสรร ดังนี้ (1) ส่วนราชการดำเนินการเอง (2) ส่วนราชการมอบอำนาจให้หน่วยงานประจำจังหวัดดำเนินการ (3) หน่วยงานประจำจังหวัดร่วมกับสำนักงานจังหวัดของแต่ละจังหวัดบูรณาการการทำงานร่วมกัน
โดยกำหนดวันประกาศและวันรับสมัครในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้ผู้สมัครเลือกสมัครในหน่วยงานใดก็ได้ที่มีคุณสมบัติตรงตามประกาศรับ ทั้งนี้ อาจขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการประกาศเผยแพร่และรับสมัครพนักงานราชการเฉพาะกิจพร้อมกันทั่วประเทศ
@แนวทางการทำสัญญาจ้าง-เงินเดือน-สิทธิประโยชน์
ส่วนการทำสัญญาจ้างนั้น ให้ส่วนราชการทำสัญญาจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจได้เป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาจ้าง หรือไม่เกินวันที่ 30 ก.ย.2565 และไม่มีการต่อสัญญาจ้าง กรณีที่ตำแหน่งว่างลงระหว่างปี และยังไม่ครบระยะเวลาสิ้นสุดของกรอบอัตรากำลัง ให้ส่วนราชการสรรหาพนักงานราชการรายใหม่ได้
แต่ทั้งนี้ จะต้องเหลือเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน นับถึงวันสิ้นสุดของระยะเวลาของกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจ ณ วันที่ 30 ก.ย.2565
สำหรับอัตราค่าตอบแทนของพนักงานราชการเฉพาะกิจ ให้เป็นไปตามบัญชีค่าตอบแทนพนักงานราชการในอัตราแรกบรรจุของกลุ่มงานบริหารทั่วไป คุณวุฒิปริญญาตรี โดยให้ได้รับในอัตรา 18,000 บาท/เดือน
สำหรับสิทธิประโยชน์ให้เป็นไปตามประกาศ คพร. เรื่อง สิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการ พ.ศ.2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยกเว้นเฉพาะสิทธิการลาเพื่อไปอุปสมบทหรือประกอบพิธีฮัจญ์
@เปิดเงื่อนไขการจ้างงาน ‘พนักงานราชการเฉพาะกิจ’
ขณะที่เงื่อนไขการจ้างงานพนักงานราชการเฉพาะกิจ เช่น 1.กรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจ ถือเป็นกรอบอัตรากำลังเฉพาะกิจ ซึ่งจะไม่นำไปรวมกับกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการปกติ หรือกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจ้าง ณ วันที่ 30 ก.ย.2565 ให้ส่วนราชการยุบเลิกกรอบอัตรากำลังดังกล่าวทันที
2.กรอบอัตรากำลังข้าราชการเฉพาะกิจ ห้ามมิให้ส่วนราชการเปลี่ยนแปลงกลุ่มงานใดๆทุกกรณี
3.พนักงานราชการที่ได้รับการจ้างตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจ ถือเป็นการจ้างงานเฉพาะคราวเพื่อบรรเทาสถานการณ์การว่างงานระยะสั้น ดังนั้น พนักงานราชการที่ได้รับการจ้างฯ ไม่สามารถเรียกร้องหรือขอปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นบุคลากรถาครัฐประเภทอื่น เช่น ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว หรือพนักงานราชการได้ เป็นต้น
@สรรหาพนักงานราชการต้องโปร่งใส-เท่าเทียมในโอกาส
อย่างไรก็ดี เนื่องจากการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการเฉพาะกิจค่อนข้าง ‘ยืดหยุ่น’ ทำให้หลายหน่วยงานให้ความเห็นต่อ ครม. โดยขอให้การคัดเลือกบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นพนักงานราชการเฉพาะกิจนั้น จะต้องมีความรู้ความสามารถ ทักษะ ความประพฤติและมาตรฐานทางจริยธรรมที่ถูกต้องดีงาม และมีความเท่าเทียมในโอกาส
“ต้องกำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติในการคัดเลือกบุคคลเพื่อจัดจ้าง ให้ครอบคลุมถึงความรู้ ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความประพฤติ และมาตรฐานทางจริยธรรมที่ถูกต้องดีงาม มีความเหมาะสมในการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดี รวมไปถึงความเท่าเทียมในโอกาส
กระบวนที่ได้มาตรฐาน ยุติธรรมและโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนให้มีการสื่อสารเงื่อนไขการจ้างที่กำหนดไว้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อย่างชัดเจนด้วย” หนังสือที่ นร 1101/3367 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ลงวันที่ 8 มิ.ย.2564 เสนอความเห็นต่อ ครม.
สอดคล้องกับกระทรวงพลังงานที่ให้ความเห็นว่า “การยกเว้นการดำเนินการ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาให้มีความเหมาะสมและคล่องตัว จะทำให้จ้างงานได้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาปัญหาการว่างงานในระยะสั้น
แต่อย่างไรก็ดี ในการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการของแต่ละส่วนราชการต้องเป็นไปตามระบบยุติธรรม โดยคำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความเสมอภาค ความเป็นธรรม และความโปร่งใส เพื่อให้ได้บุคลากรที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่”
@ห่วงสิ้นสุดสัญญาจ้าง 1 ปี อาจมีซิกแซกให้บางคนอยู่ต่อ
ขณะที่ ปรารถนา โพธิ์ดี ประธานเครือข่ายพนักงานราชการไทย กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงการสรรหาพนักงานราชการเฉพาะกิจที่อาจมีปัญหาเรื่อง ‘เด็กเส้น’ ว่า เรื่องเด็กเส้นมีอยู่ทุกที่อยู่แล้ว เพียงแต่จะปิดมิดหรือไม่เท่านั้น แต่ทั้งนี้ ต้องติดตามต่อไปว่า หลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้าง 1 ปีแล้ว จะมีการซิกแซกให้บางคนได้อยู่ต่อหรือไม่
“เรื่องเด็กเส้นมันมีแน่ๆอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะปิดมิดแค่ไหน จะเงียบหรือว่าจะโจ่งครึ่ม แต่ปัญหาที่อาจจะตามมา คือ เวลาลูกท่านหลานเธอเข้ามาแล้ว เอาออกยาก จริงอยู่สัญญาจ้างมีแค่ 1 ปี แต่ต้องดูว่าเขาจะมีวิธีซิกแซกอย่างไรให้คนเหล่านี้ได้อยู่ต่อ และที่บอกว่าครั้งนี้จะรับเฉพาะเด็กจบใหม่ ก็ต้องดูว่าจะมีเฉพาะเด็กจบใหม่จริงหรือไม่” ปรารถนา กล่าว
ปรารถนา ยังระบุว่า อยากให้รัฐบาลและสำนักงาน ก.พ. เข้ามาดูแลกลุ่มพนักงานราชการทั้งระบบที่ปัจจุบันที่มีกว่า 2 แสนคน เนื่องจากปัจจุบันบางคนเงินเดือนตันแล้ว แต่ไม่ได้รับการดูแล และแม้ว่าที่ผ่านมาเครือข่ายฯได้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงาน ก.พ.แล้ว แต่ยังไม่มีการตอบอะไรกลับมา
“กลุ่มงานบริการ เงินเดือนตันที่ 20,210 บาท ซึ่งบางคนทำมา 15 ปี เงินเดือนตันแล้ว ทั้งๆที่ยังเหลืออายุงานอีก 10 กว่าปี ซึ่งเครือข่ายฯจะทำหนังสือถึงสำนักงาน ก.พ. และรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อขอให้ช่วยดูแลพวกเราบ้าง เช่น การขยายเพดานเงินเดือน เป็นต้น รวมถึงการทำให้มีเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพด้วย” ปรารถนากล่าว
@ขีดเส้นส่วนราชการสรรหาให้แล้วเสร็จภายใน ส.ค.64
นอกจากนี้ ด้วยระยะเวลาในการสรรหาพนักงานราชการเฉพาะกิจ ซึ่งเดิม คพร. กำหนดให้ต้องสรรหาให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.2564 นั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นห่วงว่า เป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป ซึ่งทำให้ส่วนราชการดำเนินการไม่ทันตามระยะเวลาที่กำหนด จึงเสนอให้ขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564
สุดท้าย ครม.มีเห็นชอบให้ขยายกรอบเวลาในการสรรหาพนักงานราชการเฉพาะกิจเป็นสิ้นสุดในเดือน ส.ค.2564 ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ระบุว่า ให้ส่วนราชการเร่งดำเนินจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.2564 โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
“พล.อ.ประยุทธ์ ให้แต่ละกระทรวงที่ได้รับจัดสรรอัตราพนักงานราชการเฉพาะกิจ เร่งประชาสัมพันธ์การรับสมัครงานและบรรจุบุคคลเข้าปฏิบัติงานตามขั้นตอนให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดได้มีงานทำ และให้มีการกระจายการจ้างงานลงสู่ระดับพื้นที่…
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. จะได้มีหนังสือถึงส่วนราชการเพื่อเร่งดำเนินการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค. 2564 ต่อไป” อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
จากนี้คงต้องติดตามว่าการสรรหาและเลือกสรร ‘พนักงานราชการเฉพาะกิจ’ จะเป็นอย่างไร และเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือไม่!
อ่านประกอบ :
เร่งรับสมัคร'พนักงานราชการเฉพาะกิจ' 1 หมื่นอัตรา 14 กระทรวง บรรเทาพิษโควิด
จ้าง นศ.จบใหม่ 1 หมื่นอัตรา 'พนักงานราชการเฉพาะกิจ' เงินเดือน 1.8 หมื่นบาท
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage