“...ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีการตั้งกรรมการสอบด้วย...ส่วนใหญ่ก็อย่างนี้ บัตรสนเท่ห์มาทั้งนั้น สนเท่ห์อย่ามาคุยกับผมเลย ไร้สาระ” เมื่อถามย้ำว่า จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนฯในเรื่องนี้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า “3,000 ล้านบาทนะ ขอเงินพ่อผมง่ายกว่า....”
------------------------
"ข้าราชการระดับสูงของกรมอุทยานฯ ได้จ่ายเงินมัดจำให้กับฝ่ายการเมืองไปแล้ว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะผ่อนส่งเป็นรายเดือน เดือนละ 100 ล้านบาท รวมระยะเวลา 8 เดือนหรือจนถึงเดือนกันยายน 2563 โดยรวมแล้วจะมีการส่งเงินให้กับฝ่ายการเมืองประมาณ 900 ล้านบาทต่อปี"
คือ ข้อความที่ปรากฎอยู่ในคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 125/2563 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ใช้นามว่า 'ข้าราชการและพนักงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช' มีหนังสือลงวันที่ 22 ม.ค.2563 ร้องเรียนปัญหาการทุจริตจากการจ่ายเงินให้กับฝ่ายการเมือง เพื่อแลกกับการต่ออายุราชการของข้าราชการระดับสูงของกรมอุทยานฯ ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับมอบจากแหล่งข่าวในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ช่วยติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นทางการ
คำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 125/2563 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2563 โดยมี นายสุรชัย อจลบุญ เป็นประธาน มีกรรมการประกอบด้วย นายวิสาล ทฤษฏิคุณ , น.ส.ปรียาภรณ์ เกราะแก้ว และนางปวีณา พจน์สมพงศ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ระบุพฤติการณ์สำคัญในคดีว่า ข้าราชการระดับสูงของกรมอุทยานฯ ได้จ่ายเงินมัดจำให้กับฝ่ายการเมืองไปแล้ว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะผ่อนส่งเป็นรายเดือน เดือนละ 100 ล้านบาท รวมระยะเวลา 8 เดือนหรือจนถึงเดือนกันยายน 2563 โดยรวมแล้วจะมีการส่งเงินให้กับฝ่ายการเมืองประมาณ 900 ล้านบาทต่อปี โดยข้าราชการระดับสูงรายนี้ ได้ส่งผู้อำนวยการส่วนราชการแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่เก็บค่าหัวคิว 15% จากเงินงบประมาณประจำปีที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และเรียกเก็บเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติทุกแห่งที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และยังไม่นับรวมจ่ายค่าคอมมิสชันในการจัดซื้อจัดจ้างทุกรายการของกรมอุทยานฯ รายการละ 15-20%
เอกสารอ้างว่า ปัจจุบันนอกจากจะส่งเงินให้กับฝ่ายการเมืองแล้ว 900 ล้านบาท ข้าราชการระดับสูงในกรมอุทยานฯ ยังมีเงินเก็บ 600 ล้านบาท ส่วนผู้อำนวยการส่วนราชการแห่งหนึ่ง มีเงินเก็บไม่ต่ำ 200 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมามักมีการอ้างเหตุผลในการเรียกรับเงินจากผู้บริหารเสมอ ๆ ว่า การเมืองมาแล้ว ต้องทำเงินส่งให้ฝ่ายการเมือง ถ้าใครไม่ร่วมมือจะถูกสั่งย้าย จนทำให้ข้าราชการภายในกรมอุทยานฯ มีความทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแต่ละหน่วยงานต้องหาเงินมาให้เดือนละหลายหมื่นบาท รวมถึงเงินเบี้ยเลี้ยงของตนเองด้วย
เอกสารระบุด้วยว่า ข้าราชการระดับสูงรายนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวโยงกับคดีร้ายแรงอีก 2 เรื่อง คือ เรื่องแปลงงบประมาณ 108 ล้านบาทในส่วนราชการระดับกรม และเรื่องการขึ้นเงินเดือนให้กับบุคคลใกล้ชิด
ทั้งหมดเป็นเหตุทำให้ผู้ใช้นามว่า 'ข้าราชการและพนักงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช' อ้างว่า พวกเราทนไม่ได้กับการต่ออายุราชการอีกหนึ่งปีให้กับข้าราชการรายนี้ เพราะเป็นผู้ทำความเดือดร้อนให้กับสังคมและคนที่ทำงานภายในกรมอุทยานฯ
ภายหลังได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
@ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / ภาพจาก https://www.dmcr.go.th/
นายจุตพร ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจริง โดยกำหนดให้สืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ได้ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่มีคำสั่ง
"กรณีดังกล่าวมีการร้องเรียนผ่านรองนายกรัฐมนตรี จึงได้แจ้งเรื่องมาให้กระทรวงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ที่ผ่านมาคณะกรรมการได้เรียกเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานมาสอบสวนข้อเท็จจริง และปัจจุบันได้สรุปเรื่องมาแล้วพบว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามรายละเอียดตามที่ระบุในบัตรสนเท่ห์ จึงได้มีสั่งยุติการสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว"
@ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / ภาพจากhttps://www.thaipost.net/main/detail/42939
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราเช่นกัน ว่า ตนไม่ทราบว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนในเรื่องนี้ และใครเป็นคนแต่งตั้ง ก็ขอให้ไปถามคนนั้น
“ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีการตั้งกรรมการสอบด้วย...ส่วนใหญ่ก็อย่างนี้ บัตรสนเท่ห์มาทั้งนั้น สนเท่ห์อย่ามาคุยกับผมเลย ไร้สาระ” นายวราวุธ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนฯในเรื่องนี้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า “3,000 ล้านบาทนะ ขอเงินพ่อผมง่ายกว่า”
ทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นที่ล่าสุด โดย ปลัด ทส.ได้สั่งยุติเรื่องแล้ว เนื่องจากไม่ปรากฎข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียง 'บัตรสนเท่ห์' เท่านั้น
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage