"...เมื่อรวบรวมวงเงินทั้งหมด 3 ส่วนนี้จะพบว่า ‘ครม.ประยุทธ์2/2’ มีกรอบวงเงินประมาณ 5.78 แสนล้านบาท ที่สามารถเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้หลังจากนี้ เป็นวงเงินท่ามกลางการจับตาจากคนทั้งสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่สะเทือนถึงวิกฤติเศรษฐกิจทั้งระบบ คาดหวังให้ ‘ทีมเศรษฐกิจ’ คิดนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้..."
...............................
การเปลี่ยนทีม-ปรับผู้เล่นในทีมเศรษฐกิจของ ‘ครม.ประยุทธ์2/2’ ถูกคาดหวังฝีมือมากกว่าทุกครั้ง หลังทั่วโลกอยู่ภาวะวิกฤติจากโรคระบาดโควิด-19
แม้จะฟื้นตัวได้เร็ว แต่ภาวะที่ทั่วโลกยังหยุดชะงัก ย่อมกระทบโดยตรงถึงไทยที่พึ่งพารายได้จากต่างชาติ ทั้งในแง่การส่งออกและการท่องเที่ยว
วาระร้อนยังสะเทือนถึงแรงงาน-ประชาชนทั่วไป ที่ตกอยู่ในภาวะไม่มั่นคงในอาชีพ หลังกลุ่มธุรกิจเจอปัญหารายจ่ายที่มีมากกว่ารายรับ
เป็นเหตุผลทำให้ ‘ทีมเศรษฐกิจ’ ของรัฐบาล ถูกคาดหวัง – หวังผลมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารประเทศภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ย่อมยิ่งถูกคาดหวังและต้องจับตามองมากเป็นพิเศษ
@8 หมื่นล.พร้อมใช้-ต้องหมดก่อนสิ้น ก.ย.63
เงินก้อนแรก มีที่มาจาก พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2563 วงเงิน 8.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีที่มาจากการให้ส่วนราชการ ปรับลดงบเกี่ยวกับการสัมมนา ฝึกอบรม ประชาสัมพันธ์ การจ้างที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงรายจ่ายลงทุนที่ยังไม่มีความจำเป็น
วงเงินส่วนนี้ถูกปรับโอนเมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากพบว่า งบกลาง 9.6 หมื่นล้านบาทในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ถูกใช้ไปหมด ตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด
อย่างไรก็ตามหลังจาก พ.ร.บ.โอนงบฯ มีผลใช้บังคับเมื่อ 20 ก.ค.2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งอนุมัติโครงการที่ใช้งบประมาณก้อนนี้ไปเพียง 2 โครงการ วงเงินประมาณ 4,506.93 ล้านบาท ดังนี้
1.โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ซึ่งเป็นการจ่ายเงินพิเศษ 7 เดือนให้กับการปฏิบัติหน้าที่ช่วงสถานการณ์โควิด วงเงินรวม 3,622.31 ล้านบาท
2.โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับจังหวัด รวม 157 โครงการ ครอบคลุม 57 จังหวัด วงเงินรวม 884.62 ล้านบาท
ขณะที่ นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า วงเงินที่ได้รับจากการปรับโอนงบประมาณ คงเหลืออยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาทเศษ แต่งบประมาณส่วนนี้มีข้อจำกัดเรื่องเวลา ซึ่งจะใช้ได้วันที่ 30 ก.ย.นี้ ทำให้คาดการณ์ว่าระหว่างนี้น่าจะมีการอนุมัติขอใช้เงินส่วนนี้ก่อนเป็นลำดับแรก
“วงเงิน 8 หมื่นล้านบาทเป็นการโอนงบประมาณมาไว้ในงบกลางประจำปี 2563 จึงจำเป็นต้องทำให้เกิดการก่อหนี้ก่อน 30 ก.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี เพราะหากผ่านพ้นวันดังกล่าวไปแล้ว จะไม่สามารถอนุมัติใช้วงเงินดังกล่าวได้อีก และต้องส่งคืนคลังต่อไป” นายเดชาภิวัฒน์ กล่าว
(เดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ)
@งบกลางปี 64 กรณีฉุกเฉิน-สู้โควิด 1.4 แสนล้านบาท
เงินก้อนที่สอง คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร โดยจะมีผลบังคับใช้ตามวงรอบปีงบประมาณคือ 1 ต.ค.2563
นอกจากงบประมาณที่ถูกจัดสรรให้แต่ละกระทรวงแล้ว ยังมีกรอบวงเงินประมาณ 1.39 แสนล้านบาทที่รัฐบาลยังสามารถใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัวมากกว่าเงินส่วนอื่น
โดยมีที่มาจาก ‘งบกลาง’ จำนวน 2 รายการ คือ 1.รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 9.9 หมื่นล้านบาท และ 2.รายการเพื่อบรรเทา แก้ปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด 4 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามกรอบวงเงินทั้ง 2 ส่วนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังมีโอกาสทั้งถูกปรับลด-ให้เพิ่มได้
@เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเหลือกรอบอนุมัติอีก 3.58 แสนล.
เงินก้อนที่สาม คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับลผกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท
โดยเงินส่วนนี้ แบ่งออกเป็น 3 แผนงาน คือ 1.แผนงานด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท ที่จัดสรรไว้เพื่อรองรับสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะ 2.แผนงานช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับประชาชนและเกษตรกร วงเงิน 5.55 แสนล้านบาท และ 3.แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสัคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท
ซึ่งกรอบวงเงินที่ถูกจับตามองที่สุดคือ แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกหน่วยงานทั้งในระดับกระทรวง – ท้องถิ่น เสนอขอใช้งบประมาณ ภายใต้กรอบที่กำหนด
สถานะ ณ วันที่ 29 ก.ค. คณะรัฐมนตรี อนุมัติกรอบวงเงินไปแล้ว 9.2 หมื่นล้านบาท แต่มีโครงการที่ผ่านการอนุมัติแล้ว 10 โครงการ รวม 4.1 หมื่นล้านบาท ทำให้คงเหลือ 3.58 แสนล้านบาท
เมื่อรวบรวมวงเงินทั้งหมด 3 ส่วนนี้จะพบว่า ‘ครม.ประยุทธ์2/2’ มีกรอบวงเงินประมาณ 5.78 แสนล้านบาท ที่สามารถเดินหน้าโครงการต่างๆ ได้หลังจากนี้
เป็นวงเงินท่ามกลางการจับตาจากคนทั้งสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่สะเทือนถึงวิกฤติเศรษฐกิจทั้งระบบ คาดหวังให้ ‘ทีมเศรษฐกิจ’ คิดนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้
อ่านประกอบ :
โจทย์ใหญ่ ‘ทีมเศรษฐกิจใหม่’ รบ.บิ๊กตู่ 2/2 กระตุ้นศก.-เยียวยาโควิด ในภาวะ ‘กระสุนจำกัด’
โปรดเกล้าฯ 7 รมต.ใหม่! ‘ดอน-สุพัฒนพงษ์’รองนายกฯ-‘เสี่ยแฮงค์-สุชาติ-นฤมล’มาตามโผ
การเมืองร้อน-เศรษฐกิจติดลบ สารพัดมรสุมรับ 'ครม.ประยุทธ์2/2'
‘คลัง’ เผย 8 เดือนแรกปีงบ 63 รัฐจัดเก็บรายได้ต่ำเป้า 1.89 แสนล้าน
ธปท.ร่อนจม.เปิดผนึก! คาดเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายไตรมาส 2/64 แนะรัฐมุ่งจ้างงาน-ช่วย SMEs
ทั่วโลกอัดฉีดฟื้นเศรษฐกิจ ‘ยังไม่เห็นผล’ ส่งออกไทย รอสร่าง ‘ไข้โควิด’ ปีหน้า
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/