“...พ่อแม่ดีใจมาก จะเอาของแห้งมาเยี่ยม ที่นี่ถ้ามีคนมาเยี่ยม เขาจะให้วางของไว้ข้างล่าง แล้วเจ้าหน้าที่จะเอาขึ้นมาให้ แต่ต้องเป็นของแห้งที่ไม่ใช่ของปรุงสด แม้หนูจะยังไม่ได้พบหน้าคุณพ่อคุณแม่ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังอยากมาเยี่ยม แค่ได้มาเห็นที่พักก็พอแล้ว...”
"หนูได้วันเดินทางกลับแล้วค่ะ ดีใจจังเลย" คือ ข้อความที่ น้องนานา (สงวนชื่อ-นามสกุลจริง) นักศึกษา MBA จาก Concordia University Chicago หนึ่งในนักเรียนนักศึกษาไทย 120 ราย ที่ตกค้างอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศฉบับที่ 3 ขยายเวลาห้ามเครื่องบินเข้าไทย ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่าน และได้มีการร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล หน่วยงาน และ กงสุลไทยเข้าให้ความช่วยเหลือ ทั้งในเรื่องกรอบระยะเวลาที่แน่นอนในการปิดน่านฟ้า รวมไปถึงการจัดเครื่องบินเหมาลำ เพื่อมารับเป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในข้อที่ (5) ที่ให้อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับภูมิลำเนา พร้อมเข้ารับการกักตัวคัดกรองโรค
ที่ส่งมาให้สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับทราบ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าการติดตามนำเสนอข่าวช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาไทย 120 ราย และคนไทย อื่นๆ ที่ตกค้างอยู่ในสหรัฐฯ ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ให้ได้กลับประเทศไทยไปก่อนหน้านี้
(อ่านเรื่องเดิมประกอบ : อัพเดตชีวิต 'นร.-นศ.' 120 ราย ตกค้างสหรัฐฯ "หนูได้วันเดินทางกลับแล้วค่ะ.. ดีใจจังเลย)
ล่าสุด หลังจากเงียบหายไปนาน สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งข่าวคราวจาก น้องนานา อีกครั้ง
"หนูได้เดินทางกลับถึงไทยแล้วโดยสวัสดิภาพ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา"
“ทุกคนให้ความช่วยเหลือดีมาก ภาพที่ประทับใจที่สุดคือตอนที่รถบัสกำลังจะออกจากท่าอากาศยานเพื่อมาส่งที่สถานที่กักตัว เจ้าหน้าที่ทุกคน โบกมือให้เรา รู้สึกขอบคุณมากๆ ทุกคนน่ารักและคนทำงานหนักมาก ต้องขอบคุณที่ช่วยเหลือและดูแลพวกหนูอย่างดี”
น้องนานา เล่าให้ฟังถึงการเดินทางกลับไทยของเธอว่า ออกเดินทางจากบ้านพักในชิคาโก เวลาประมาณ 03.00 น. เพื่อไปถึงสนามบินรอบเช้าเวลา 06.00 น. โดยไปขึ้นเครื่องที่สนามบินที่เดนเวอร์ เพื่อเดินทางไปแอลเอ
“รอประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วก็บินอีก 4 ชั่วโมงถึงแอลเอ ถึงแอลเอ ตอนบ่ายโมงของวันที่ 10 พ.ค. 2563 เพื่อที่จะรอขึ้นเครื่องในเวลา 5 ทุ่ม ของวันที่ 10 พ.ค. ก็คือรอตั้งแต่บ่าย2 ถึง 5 ทุ่ม ที่สนามบินแอลเอ แล้วในเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ก็มีเจ้าหน้าที่สถานกงสุลไทยในแอลเอมาแจกอุปกรณ์ เช่น แมสก์ ถุงมือ ข้าวเหนียวไก่ทอดและมาเช็คเอกสารให้ จากนั้นก็มีการเปิดเคาท์เตอร์เช็คอิน สถานกงสุลก็มาคอยอำนวยความสะดวกตลอดเวลา จนส่งพวกหนูขึ้นเครื่อง”
นานา เล่าต่อว่า จากนั้นนั่งเครื่องประมาณ 13 ชั่วโมงมาลงที่อินชอน เกาหลีใต้ เพื่อรอขึ้นเครื่องของสายการบินโคเรียนแอร์
“มาถึงที่อินชอนเวลาตี 5 เพื่อขึ้นเครื่องของวันที่ 12 พ.ค. เพื่อเดินทางกลับไทยในเวลาหกโมงเย็นของวันที่ 12 ดังนั้น จึงต้องรออีก 12 ชั่วโมง รออยู่ที่อินชอนเพื่อเดินทางกลับไทย แล้วพอหกโมงเย็นก็ขึ้นเครื่องกลับมาถึงไทย ใช้เวลาประมาณ 4 -5 ชั่วโมง มาถึงเมืองไทยเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า” นานาระบุ
@ ความรู้สึกและบรรยากาศเมื่อกลับถึงไทย
นานาบอกเล่าความรู้สึกว่าตอนแรกก็ตื่นเต้นเรื่องการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ทว่า เมื่อเดินทางมาถึง เห็นประเทศไทยก็รู้สึกดีใจมากกับการเดินทาง 2-3 วันที่ยาวนาน ในที่สุดก็ถึงจุดหมายสักที
“พอลงจากเครื่องปุ๊บ ก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแล ตั้งแต่คัดกรอง ตรวจวัดไข้ ตรวจเอกสารประจำจุดและนำพวกเราไปที่จุดรับกระเป๋า และมีการฉีดพ่นกระเป๋าก่อนที่จะขึ้นรถบัส รถมาส่งที่โรงแรมจอมเทียน ฮอลิเดย์ อิน ที่พัทยา”
นานาเล่าต่อว่า เมื่อถึง รร. จอมเทียน ฮอลิเดย์ อิน เจ้าหน้าที่ให้ลงมารับกระเป๋าทีละ 5 คน มีการตรวจวัดไข้ แล้วก็คัดกรองอีก หนึ่งรอบ ถามประวัติการเดินทางนิดหน่อย จากนั้นเอาของขึ้นมาบนห้อง
“ที่พักสวยงามมาก มีการกักตัว ห้องละคน 1 คนต่อ 1 ห้อง แต่ว่ากว่าจะมาถึงที่พักก็ตี 1 กว่า ค่อนข้างดึก กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย หนูก็ได้นอนตี 5 มีการวางของไว้ที่หน้าห้อง มีตู้เก็บของที่หน้าห้อง วางมีระยะห่างตามหลัก Social distance” (ดูภาพประกอบ)
@ ชีวิตประจำวันช่วงกักตัว
เมื่อสอบถามถึงวิถีชีวิตประจำวันในช่วงของการกักตัวว่าเป็นอย่างไร นานาตอบว่า เจ้าหน้าที่ให้ทุกคนปฏิบัติตัวด้วยการอยู่แต่ในห้อง และมีการเซ็นเอกสารแล้วก็วัดไข้ ทั้งนี้ นักเรียนไทยและผู้ที่ตกค้างอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางมาถึงไทยในรอบวันที่ 10 พ.ค. นานาทราบว่ามีการตรวจโควิดด้วยทุกคน แต่กรณีของนานายังแค่วัดไข้ทุกวัน”
“ชีวิตประจำวันที่นี่ ตื่นเช้ามาก็จะมีการวัดไข้ช่วงก่อน 9 โมงและกรอกแบบฟอร์มที่เจ้าหน้าที่ให้มา นอกจากนี้ก็จะมีกรุ๊ปไลน์ของคุณหมอไว้สื่อสารกัน และมีกรุ๊ปไลน์ของโรงแรมไว้สำหรับสั่งของ ส่งของในโรงแรม เมื่อวัดไข้เสร็จตอนเช้า ก็จะมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟ เวลาประมาณ 7 โมงเช้า อาหารเที่ยงมาเสิร์ฟเวลา 11 โมงครึ่ง และอาหารเย็นตอนประมาณ 5 โมงเย็นกว่าๆ”
นานา เล่าให้ฟังอีกว่า ในช่วงแรกที่มาถึง มีเหตุติดขัดบ้างเล็กน้อย อาทิ มีปัญหาเรื่องห้องบ้างนิดหน่อยและเรื่องของการรับรองอาหารที่อาจไม่เพียงพอนัก เพราะคนค่อนข้างเยอะ แต่โรงแรมก็ได้มีการแก้ไขหลายๆ จุดซึ่งสามารถแก้ไขได้ดีและเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้มีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น
ส่วนเมนูอาหารทั้ง 3 มื้อ นั้น นานา ระบุว่า "มื้อเช้าเป็นข้าวต้ม เสิร์ฟเวลา 7 โมงเช้า มื้อที่สองเป็นข้าวคะน้าหมูกรอบ มื้อที่สาม เป็นสปาเก็ตตี้ซอสแดง เป็นอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมให้ ใครไม่อิ่มสามารถสั่งเพิ่มได้ แล้วก็เขาจะชาร์จตอนวันออกจาก โรงแรม ส่วนการสั่งของ เจ้าหน้าที่ก็จะไปซื้อให้ที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เพราะคนค่อนข้างเยอะ ก็ต้องรอคิว” (ดูภาพประกอบ)
นานา ยืนยันว่า บริการทุกอย่างที่โรงแรมฟรี รวมถึงการเข้าพัก แต่ไม่นับการสั่งอาหารเพิ่มหรือการสั่งของ
“หนูต้องกักตัว 14 วัน วันแรกที่กลับมาเจ็ทแล็ก ตื่นมาก็มีสัมภาษณ์งาน สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็นอนพัก”
@ ความรักความห่วงใยของครอบครัว
แม้จะถูกกักตัว ยังไม่อาจพบหน้าพ่อกับแม่ แต่นานาเล่าว่าพ่อแม่ตั้งใจจะเดินทางมาเยี่ยมพร้อมของฝากแม้จะถูกห้ามไม่ให้พบกัน เพราะสำหรับพ่อและแม่เพียงได้มาเห็นที่พักของลูก ได้รู้ว่าลูกเป็นอยู่อย่างไรก็มีความสุขแล้ว
“พ่อแม่ดีใจมาก จะเอาของแห้งมาเยี่ยม ที่นี่ถ้ามีคนมาเยี่ยม เขาจะให้วางของไว้ข้างล่าง แล้วเจ้าหน้าที่จะเอาขึ้นมาให้ แต่ต้องเป็นของแห้งที่ไม่ใช่ของปรุงสด แม้หนูจะยังไม่ได้พบหน้าคุณพ่อคุณแม่ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังอยากมาเยี่ยม แค่ได้มาเห็นที่พักก็พอแล้ว”
ที่พักของนานาอยู่ไม่ไกลจากทะเล ห้องของเธอเป็นห้องพักบนชั้น 7 แม้ไม่ได้มองเห็นวิวทะเล แต่นานาก็ชื่นชมที่พักว่าสวยงามมาก
นานา ยังระบุด้วยว่า เธอกักตัวอยู่กับน้องสาวในห้องเดียวกัน โดยกรณีที่กักตัวร่วมกับคนในครอบครัว ต้องเซ็นใบยินยอมการกักตัวมากกว่า 1 คน
“หนูอยู่กับน้องสาว คือกลับมาพร้อมกันก็เลยขอกักตัวด้วยกัน เป็นน้องสาวแท้ๆ ไปเรียนด้วยกัน รับปริญญาพร้อมกัน แล้วก็กลับมาพร้อมกัน” นานาระบุ
@ ขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือ
นานากล่าวว่าอยากจะฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่กงสุลทั้ง 3 แห่ง คือกงสุลใหญ่ที่วอชิงตัน ดีซี กงสุลที่แอลเอ และกงสุลที่ชิคาโกที่ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกตั้งแต่เรื่องเอกสาร การลงทะเบียนนับแต่ขั้นตอนการขอกลับมา การจองตั๋วเครื่องบิน การไปดูแลที่สนามบิน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในประเทศไทย ที่ดูแลดีมากตั้งแต่ลงเครื่องเมื่อมาถึงประเทศไทยกระทั่งสู่สถานที่กักตัว
“ทุกคนให้ความช่วยเหลือดีมาก ภาพที่ประทับใจที่สุดคือตอนที่รถบัสกำลังจะออกจากท่าอากาศยานเพื่อมาส่งที่สถานที่กักตัว เจ้าหน้าที่ทุกคน โบกมือให้เรา รู้สึกขอบคุณมากๆ ทุกคนน่ารักและทุกคนทำงานหนักมาก ต้องขอบคุณที่ช่วยเหลือและดูแลพวกหนูอย่างดี รวมถึงพี่สำนักข่าวอิศราด้วยนะค่ะ”
ปิดฉากการรอคอยและการเดินทางอันยาวนานจากอีกซีกโลกหนึ่ง สู่บ้านเกิดเมืองนอนของนักเรียนไทยในสหรัฐฯ รายนี้ และเพื่อนอีกนับร้อยคน
**หมายเหตุ : สำหรับนักเรียนนักศึกษาไทย รวมถึงคนไทยทุกคน ที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศและได้รับความเดือดร้อน สามารถส่งข้อมูลการร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านสำนักข่าวอิศรา ได้ตลอดเวลา ที่นี่ https://www.isranews.org/article/contact-isra.html
อ่านเรื่องประกอบ :
เปิดใจข้ามโลก! ชะตากรรม นร.-นศ.120 ราย ตกค้างสหรัฐฯ วอนรบ.ไทย ช่วยพากลับบ้าน
ตกค้างสหรัฐฯ120 ราย! นร.-นศ. ไทยเดือนร้อนหนักวอน รบ.ส่งเครื่องบินรับกลับบ้าน-พร้อมกักตัว
อัพเดตชีวิต 'นร.-นศ.' 120 ราย ตกค้างสหรัฐฯ "หนูได้วันเดินทางกลับแล้วค่ะ.. ดีใจจังเลย
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage