"...ท่านมีที่ปรึกษาหลายคน ผมมั่นใจว่าทุกคนก็เอาใจช่วยท่าน โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ต้องสื่อสารในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ รับฟังทุกคน เพื่อทำให้การสื่อสารเข้าถึงประชาชนชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเราก็เห็นว่าประชาชนเข้าใจรัฐบาลในทางที่บวกมากขึ้น...”
ส่งถึงมือ 'เจ้าสัว' ตามลิสต์รายชื่อเรียบร้อยแล้ว สำหรับจดหมายเปิดผนึกจาก 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถึง 20 มหาเศรษฐี พร้อมทั้งมีคำยืนยันหนักแน่นว่า 'ไม่ขอเงิน' และ 'ไม่มีแลกผลประโยชน์' แต่ต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจเท่านั้น
“ผมขอให้ท่านทำเอกสาร นำเสนอสิ่งที่ท่านพร้อมจะทำเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทย โดยผมไม่ขอรับเป็นเงินบริจาค แต่ผมขอให้ท่านลงมือทำโครงการที่จะออกไปช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกกลุ่มทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาความทุกข์ร้อนของประชาชนทางด้านใดก็ตาม หรือด้วยวิธีการใดก็ตาม ขอให้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม” ข้อความตอนหนึ่งในจดหมาย ระบุ
แม้ว่าขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจดหมายเปิดผนึก 'จ่าหน้าซอง' ถึงใครบ้าง แต่แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลให้ข้อมูลว่า มี 10 รายชื่อแรกในทำเนียบเศรษฐีไทยของ 'นิตยสารฟอร์บ' ติดโผเกินกว่าครึ่ง
อันประกอบด้วย 1.ตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ 2.นายเฉลิม อยู่วิทยา บริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด 3.นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เครือไทยเบฟเวอเรจ 4.ตระกูลจิราธิวัฒน์ กลุ่มเซ็นทรัล 5.นายสารัชถ์ รัตนาวะดี แห่ง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
6.นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา แห่งกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ 7.นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ แห่ง บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) 8.ตระกูลโอสถานุเคราะห์ แห่ง บมจ.โอสถสภา 9.นายวานิช ไชยวรรณ แห่ง บมจ.ไทยประกันชีวิต และ 10. นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ และ นางดาวนภา เพชรอำไพ แห่ง บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล
จากนี้ไป 'บิ๊กตู่' รอหนังสือตอบกลับถึงตึกไทยคู่ฟ้า และไม่มีกำหนดการพบปะกันอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
การจัดลำดับ 50 มหาเศรษฐีไทยโดย Forb Thailand
เป็นเวลากว่า 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาสร้างความเชื่อมั่น พร้อมๆกับการประกาศยกระดับมาตรการต่อสู้กับโควิด-19 โดยใช้ช่องทางสื่อสารกับประชาชนผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
แม้ว่าข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์ จะมีทีมที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์มากมาย แต่การแถลงข่าวในช่วงสถานการณ์วิกฤติของ พล.อ.ประยุทธ์ หลายครั้งยังถูกสังคมมองว่า 'สอบตก' จึงมีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ ถูกโยนกลับมาทุกครั้ง
ทั้งการชี้แจงการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ที่ต้องการออกมาเน้นย้ำเยียวยาทุกคนทุกกลุ่ม ยังมิวายถูกตีความผิดเป็น 'รัฐบาลถังแตก'
เช่นเดียวกับจดหมายเปิดผนึกถึง '20 มหาเศรษฐี' ที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าต้องการแสวงหาความร่วมมือ เพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจและช่วยกันเยียวยาประเทศไทย แต่สุดท้ายก็ถูกตีความว่าไปขอเงินในที่สุด
นายกรัฐมนตรี แถลงผ่าน ทรท. เมื่อวันที่ 16 มี.ค.63
มีรายงานว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ รับคำแนะนำผ่านทีมที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์อย่างน้อย 3 ชุด
ชุดแรก รับภารกิจช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏตัวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 เม.ย. จนเกิดวาทกรรม 'ประเทศไทยต้องชนะ'
ชุดที่สอง มีนักวิชาการและภาคภาคเอกชน ดูแลตั้งแต่เสื้อผ้า หน้าผม หน้ากากอนามัย เปลี่ยนจากชุดข้าราชการเป็นสูทสากล จัดการสคริปต์ ตลอดจนข้อความสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย
ชุดที่สาม นำทีมโดยบริษัทเอกชน มืออาชีพด้านการประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และยังเป็นต้นคิดในการออก ‘จดหมายเปิดผนึกถึงเศรษฐี’ ที่พล.อ.ประยุทธ์ แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทรท.) เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา
ในขณะที่เจ้าของไอเดียการเสนอปรับทีมประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ มีที่มาจากพรรคพลังประชารัฐระดับ 'แกนนำ' ที่หวังปรับแผนการสื่อสารให้ข้อความสำคัญเข้าถึงประชาชน โดยไม่ถูก 'ตีความ' และ 'บิดเบือน' จนเสียหาย
นายกรัฐมนตรี แถลงผ่าน ทรท. เมื่อวันที่ 17 เม.ย.63
'นฤมล ภิญโญสินวัฒน์' โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีภารกิจดูแลภาพลักษณ์รัฐบาลโดยตรง ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าว
ส่วน 'ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ' รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ตอบคำถามสั้นๆว่า “ท่านมีที่ปรึกษาหลายคน ผมมั่นใจว่าทุกคนก็เอาใจช่วยท่าน โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ต้องสื่อสารในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ผมเชื่อว่าท่านนายกฯ รับฟังทุกคน เพื่อทำให้การสื่อสารเข้าถึงประชานชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเราก็เห็นว่าประชาชนเข้าใจรัฐบาลในทางที่บวกมากขึ้น”
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์สอบถามแกนนำพรรคพลังประชารัฐ อาทิ 'อุตตม สาวนายน' รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค , 'สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์' รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค รวมถึงแกนนำพรรคอย่าง 'ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า' รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ 'พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์' รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ ยังติดต่อไม่ได้
อย่างไรก็ดี นอกจากการ 'เซ็ต' ทีมประชาสัมพันธ์ใหม่ ตลอดระยะเวลาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 'บิ๊กตู่' จัดสรรทีมงานข้างกายเลือกใช้ ‘ข้าราชการ’ เป็นหัวเรือหลักในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหา
คณะทำงานทุกชุดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ล้วนแต่มอบหมายให้ ‘ปลัดกระทรวง’ คุมบังเหียน รายงานขึ้นตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์
ภาพของ 'นักการเมือง' ถูกบดบังหายไปด้วยรัศมี 'ข้าราชการ' ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อควบคุม 2 สำนักงาน 10 ศูนย์ และ 2 คณะกรรมการเฉพาะกิจ ดังนี้
1.รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ ศบค.
2.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง
3.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19
4.ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน
5.ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์สำหรับประชาชน
6.ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า
7.ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ
8.ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม
9.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
10.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อโควิด-19
11.ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านคมนาคมและการขนส่งทั่วราชอาณาจักร
12.ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
13.เลขาธิการ เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)
14.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุ สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)
15.ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์
16.ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านกฎหมาย
เช่นเดียวกับการติดตามสถานการณ์รายวัน ที่มีแต่ข้าราชการร่วมวงประชุมเป็นส่วนใหญ่ มีบ้างที่ 'รัฐมนตรี' โดยเฉพาะรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล จะปรากฏตัวในที่ประชุมเป็นครั้งคราว
นี่จึงเป็นสูตรพิชิตสโควิด-19 ของ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ที่เรียกได้ว่าเป็นการ 'รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ' ทั้งชุดข้อมูล ชุดการสื่อสาร และรับผิดชอบสั่งการแต่เพียงผู้เดียว
อ่านประกอบ :
เบื้องหลัง ‘ทีมประเทศไทย’ ก่อน 'บิ๊กตู่' ร่อนจม.เปิดผนึกดึง 'มหาเศรษฐี' ฝ่ามรสุมโควิด
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง :
คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 6/2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19
คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 12/2563 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 9/2563
คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 18/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านกฎหมาย
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage