"...ไม่ใช่เรื่องของการขอเงิน ไม่ใช่การระดมทุน แต่เป็นเรื่องที่นายกฯคิดมาระยะหนึ่งแล้วว่า ต้องการจัดทำแผนการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการพูดคุยกับมหาเศรษฐี ที่มีทั้งเครือข่าย มีประสบการณ์ทางธุรกิจ ย่อมเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรได้รับฟังความคิดเห็น..."
“สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า คือ ผมจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง
มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผมขอให้ท่านได้มีบทบาทสำคัญ ในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา”
นี่เป็นถ้อยแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณตรงดิ่งถึงมหาเศรษฐีและกลุ่มธุรกิจชั้นนำของประเทศ เพื่อชักชวนบุคคลเหล่านั้นให้เข้าร่วม ‘ทีมประเทศไทย’ ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
แม้ยังไม่ยืนยันว่า 20 มหาเศรษฐีจะเป็นใคร แต่แน่นอนว่า ‘ทีมประเทศไทย’ ในความหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ มีเป้าหมายหลักคือการฟื้นฟูประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ซึ่ง ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบดูในส่วนของเนื้อหาและข้อความในจดหมายเปิดผนึก ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ทำหนังสือไปขอเงิน และขอให้รอดูรายละเอียดที่จะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
ขณะที่แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ที่มาที่ไปของการส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐี ไม่ใช่เรื่องของการขอเงิน ไม่ใช่การระดมทุน แต่เป็นเรื่องที่นายกฯคิดมาระยะหนึ่งแล้วว่า ต้องการจัดทำแผนการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการพูดคุยกับมหาเศรษฐี ที่มีทั้งเครือข่าย มีประสบการณ์ทางธุรกิจ ย่อมเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรได้รับฟังความคิดเห็น
“ปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นแน่ๆ และเราต้องรีบฟื้นฟูโดยเร็ว คนเหล่านี้เขาเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจ เขาจะมองภาพและปัญหาทางเศรษฐกิจออก ส่วนรัฐบาลมีเงินอยู่แล้ว แต่เราขาดวิธีการที่เหมาะสม เรื่องนี้ต้องมีการหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ตรงความต้องการของประชาชน ไม่ใช่ทำแล้ว ไม่ตรงกับอะไรเลย ก็จะมีปัญหาในภาพรวมของทั้งประเทศ “ แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากจดหมายเปิดผนึกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมเดินสายพบกลุ่มธุรกิจและภาคเอกชนด้วยตัวตัวเอง โดยเริ่มจากสมาคมธุรกิจต่างๆ หรืออาจจะส่งหนังสือเชิญคนบางกลุ่มมาร่วมหารือที่ทำเนียบรัฐบาล
"จะไม่มีการเชิญ 20 มหาเศรษฐีมาพบปะกันในคราวเดียว แต่จะเชิญมาพูดคุยกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม ป้องกันการระบาดจากเชื้อโควิด-19 โดยทั้งหมดจะเริ่มต้นทันทีในสัปดาห์หน้า" แหล่งข่าวระบุ
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า รัฐบาลมีแผนการจัดหางบประมาณจากหลายภาคส่วน เพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูเยียวยาประเทศไทย
ทั้งวงเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนใหญ่หรือ 5.55 แสนล้านบาท จะนำไปเยียวยาผู้ได้รับกระทบจากโควิดเดือนละ 5 พันบาท อีก 4 แสนล้านบาท จะนำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่เหลือ 4.45 หมื่นล้านบาท จะนำไปใช้ด้านสาธารณสุข
ทั้งวงเงินที่จะได้รับจาก พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะปรับโอนมาได้ 10% หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท
ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 กรอบวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท โดยปรับลดงบบางส่วนไปตั้งเป็น 'งบกลาง รายการบรรเทาหรือแก้ไขผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19'
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีเม็ดเงินพร้อม 'จ่าย' สำหรับการฟื้นฟูเยียวยาประเทศให้ผ่านพ้นจากวิกฤตการณ์โควิด-19 รอบนี้ นับล้านล้านบาท แต่อยากได้ 'เศรษฐี' ที่มีความ 'ช่ำชอง' ทางธุรกิจมาร่วมคิด ซึ่งแผนการใช้เงินก็น่าจะมีความชัดเจนไม่นานหลัง พล.อ.ประยุทธ์ฟอร์ม ‘ทีมประเทศไทย’ เสร็จเรียบร้อย
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage