เปิด พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ จำแนกโทษรายมาตรา เจ้าบ้าน-เจ้าของสถานประกอบการ พบคนติดเชื้อแล้วไม่แจ้ง-ไม่นำตัวมารักษา ปรับ 20,000 บาท ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้ว่าฯ ปิดตลาด-สถานที่ต่าง ๆ-ไม่ยอมกักตัว-หลบหนีเข้าประเทศไม่ยอมตรวจ คุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท
ผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์เศษแล้ว ภายหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และผ่านมาประมาณ 1 สัปดาห์หลังรัฐบาลประกาศ ‘เคอร์ฟิว’ ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหลังเวลา 22.00-04.00 น. เพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาวิกฤติโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
แม้ว่ารัฐบาลพยายามใช้ ‘ยาแรง’ แก้ไขวิกฤติดังกล่าวมากขนาดไหน แต่ยังมีประชาชนบางกลุ่มไม่เชื่อฟัง-ไม่สนใจในข้อกฎหมาย หรือคำเตือนของรัฐบาลดังกล่าว มีบางรายยังฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศเคอร์ฟิว กรณีล่าสุดลูกสาวผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ถูกศาลพิพากษาจำคุก 3 เดือน แต่รอการลงโทษ 1 ปีในกรณีดังกล่าวไปแล้ว (อ่านประกอบ : ศาลมุกดาหารสั่งคุก 3 เดือนรอลงอาญา 1 ปี 'ลูกสาวผู้ว่าฯพิษณุโลก'ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)
แต่กรณีที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกหนีไม่พ้น 158 กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น แลนดิ้งลงสุวรรณภูมิ แต่กลับเข้าประเทศโดยไม่กักตัวตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข และไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่งผลให้รัฐบาลต้องมีคำสั่งเรียกกลุ่มคนไทยดังกล่าวมารายงานตัวโดยด่วน โดยมีรายงานว่ามารายงานตัวครบทุกรายแล้ว
นอกจากนี้ กองทัพบกยังสั่งเด้ง พล.ต.โกศล ชูใจ และนายทหารในชุดควบคุมที่สนามบินสุวรรณภูมิกลับมาจากการปฏิบัติหน้าที่ทัน และถูกตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน หลังถูกกล่าวหาว่าปล่อยให้กลุ่มคนไทยดังกล่าวกลับเข้าประเทศไม่กักตัว โดยข้อเท็จจริงในบทสนทนาจากคลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่า ผู้โดยสารทั้ง 158 รายไม่ได้หลบหนี แต่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวกลับบ้านเอง (อ่านประกอบ : แกะรอยคลิปเสียงนายทหาร ‘ผู้ใหญ่’คนไหน?สั่งปล่อย158ผู้โดยสารกลับบ้าน, กห.ตั้ง กก.สอบ 'พล.ต.โกศล'ปมปล่อย 152 ผู้โดยสารออกจากสุวรรณภูมิไม่กักตัว)
นี่ยังไม่นับอีกหลายกรณีที่มีบุคคลกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่ยอมกักตัวอยู่บ้าน ยังนัดกลุ่มเพื่อนสังสรรค์ จนถูกตำรวจจับกุม ส่งอัยการฟ้องศาลไปแล้ว โดยอัยการขอให้ลงโทษสถานหนักด้วย เนื่องจากไม่รับผิดชอบต่อสังคม (อ่านประกอบ : ไม่รับผิดชอบต่อสังคม! เปิดคำฟ้องคนกลับจาก ปท.เสี่ยง ฝ่าฝืนกักตัว-อัยการขอศาลลงโทษหนัก)
คำถามที่น่าสนใจคือ หากมีกลุ่มบุคคลฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ไม่ยอมกักตัว หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 จะโดนลงโทษอะไรบ้าง ?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จำแนกโทษเรียงมาตราที่เกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
มาตรา 18 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการด้านวิชาการ หรือคณะอนุกรรมการที่เรียกมาให้ข้อเท็จจริง หรือความเห็น หรือให้ข้อมูล หรือเอกสารจำเป็น มีโทษตามมาตรา 49 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
มาตรา 22 (6) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่เรียกมาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น หรือให้จัดส่งข้อมูลหรือเอกสารที่จำเป็นหรือข้อคิดเห็นมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา มีโทษตามมาตรา 49 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
มาตรา 28 (6) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. ที่เรียกมาให้ข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น หรือให้จัดส่งข้อมูลหรือเอกสารที่จำเป็นหรือข้อคิดเห็นมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา มีโทษตามมาตรา 49 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
มาตรา 31 (1) เป็นเจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน หรือแพทย์ผู้ทำการรักษา พบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อแล้วไม่แจ้งต่อพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษตามมาตรา 50 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 31 (2) เป็นผู้รับผิดชอบสถานพยาบาล พบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อแล้วไม่แจ้งต่อพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษตามมาตรา 50 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 31 (3) เป็นผู้ทากรชัดสูตร หรือผู้รับผิดชอบในสถานที่ที่ได้มีการชันสูตร ตรวจพบว่าอาจมีเชื้ออันเป็นเหตุของโรคติดต่อ ไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษตามมาตรา 50 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 31 (4) เป็นเจ้าของหรือผู้ควบคุมสถานประการหรือสถานที่อื่นใดพบผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า เป็นโรคติดต่อไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีโทษตามมาตรา 50 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 34 (1) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งให้ผู้ที่เป็นหรือสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อหรือผู้สัมผัสโรคหรือเป็นพาหะมารับการรักษา หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งให้แยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต ณ สถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด มีโทษตามมาตรา 51 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 34 (2) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งให้ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะติดโรคได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามวัน เวลา และสถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด มีโทษตามมาตรา 51 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 34 (6) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเหตุให้โรคแพร่ออกไป มีโทษตามมาตรา 51 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 34 (7) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งห้ามเข้าไปหรือออกจากที่เอกเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 34 (8) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่สั่งห้ามเข้าไปในบ้าน โรงเรียน สถานที่ หรือพาหนะ ที่มีหรือสงสัยว่ามีโรคติดต่อ มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 35 (1) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่สั่งปิดตลาด สถานที่ประกอบ หรือจำหน่ายอาหาร สถานที่ผลิตหรือจำหน่ายเครื่องดื่ม โรงงาน สถานที่ชุมชน โรงมหรสพ สถานศึกษา เป็นการชั่วคราว มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 35 (2) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่สั่งให้ผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายหยุดการประกอบอาชีพเป็นการชั่วคราว มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 35 (3) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่สั่งห้ามผู้ที่เป็นหรือสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายเข้าไปในสถานที่ชุมชน โรงมหรสพ สถานศึกษา มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 39 (3) เข้าไปในหรือออกจากพาหนะที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีโทษตามมาตรา 51 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 39 (4) ไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านที่เข้าไปในพาหนะและตรวจผู้เดินทาง สิ่งของ หรือสัตว์ที่มา มีโทษตามมาตรา 51 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
มาตรา 40 (3) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านที่สั่งให้ผู้เดินทางมากับพาหนะนั้นรับการตรวจในทางแพทย์ และอาจให้แยกกัก กักกันคุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ณ สถานที่และระยะเวลาที่กำหนด มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 40 (4) เข้าไปในหรือออกจากพาหนะนั้นหรือที่เอกเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีโทษตามมาตรา 52 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 45 (1) ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่มีหนังสือเรียกมาให้ถ้อยคำชี้แจงหรือแจ้งข้อเท็จจริงหรือทำคำชี้แจงเป็นหนังสือหรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานใดเพื่อตรวจสอบหรือเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา มีโทษตามมาตรา 49 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในตาราง)
หมายเหตุ : ภาพประกอบไวรัสโควิด-19 จาก https://image.freepik.com/
อ่านประกอบ : จำแนกโทษเรียงมาตรา! ‘พวกหัวใส’ฉวยขึ้นราคา-กักตุนสินค้าหนักสุดคุก 7 ปี
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/