“...เพราะอะไรทำไมการซื้อตัวต่อรองรัฐมนตรีจึงทำกันได้ง่ายได้เช่นนี้ เป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ‘ดีไซน์’ มาเพื่อลดอิทธิพลของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ไม่ให้มีความเข้มแข็งมากเกินไป เพิ่มอัตราต่อรองของพรรคการเมืองระดับกลาง และระดับล่างมากขึ้น นั่นทำให้หลังการเลือกตั้ง การคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะทำให้ไม่มีพรรคใดมีเสียงข้างมากชนะโดยเด็ดขาด ปัญหานี้จึงเกิดขึ้น…”
ภายหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี (ในจำนวนนี้เป็น ส.ส. 11 รายต้องพ้นจากเก้าอี้) กระแสข่าวเริ่มสะพัดว่าบรรดา ‘ส.ส.สีส้ม’ ที่เหลือ 65 ราย กำลังถูกพรรคร่วมรัฐบาลเจรจากวาดต้อนไปเข้าสังกัด ?
กระแสข่าวนี้มาแรงขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันแรก 24 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ที่มีรายงานข่าวจากสื่อมวลชนหลายสำนักรายงานตรงกันว่า มี ส.ส. (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ อย่างน้อย 9 ราย จ่อย้ายไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ตามรอย น.ส.ศรีนวล บุญลือ ‘งูเห่าสีส้มตัวแรก’ ที่ถูกขับจากพรรค ก่อนไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ก่อนปีใหม่ (อ้างอิงข่าวจาก ไทยโพสต์ออนไลน์)
โดยระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ส.ส. (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวแฉว่ากำลังถูกบางพรรคซื้อตัวด้วยเงินประมาณ 23 ล้านบาท พร้อมตำแหน่งโควตารัฐมนตรี ขณะเดียวกันนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรค ออกแอ็คชั่นแสดงความเสียใจ และ ‘เจ็บปวดหัวใจ’ อย่างมาก ก่อนตบท้ายด้วยว่า ทำไมถึงลืมอุดมการณ์ที่ร่วมตั้งพรรคกันมา
ขณะที่เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ รายงานอ้างแหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทยระบุว่า มี ส.ส.สีส้ม อย่างน้อย 30 ราย ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับฝ่ายค้าน แบ่งเป็น 15 รายมาพรรคภูมิใจไทย อีก 15 ราย กำลังถูกพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคอื่น ๆ เจรจาอยู่ ดังนั้นจะเหลือ ส.ส. (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ ที่พร้อมล่มหัวจมท้ายกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่ผู้นำคนใหม่ ประมาณ 40 รายเท่านั้น
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมพรรคร่วมรัฐบาลจึงต้องเจรจากวาดต้อน ส.ส.สีส้ม ไปเข้าร่วมในพรรคอีก เพราะหากดูคะแนนเสียง ส.ส.ซีกรัฐบาล มีจำนวน 263 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านเหลือเพียง 224 เสียง ห่างกันถึง 39 เสียง เลิกปริ่มน้ำไปแล้ว ?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีคำตอบ ดังนี้
ว่ากันว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคอื่น ‘ซื้อตัว’ ส.ส. (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ดังกล่าว เนื่องจากในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ในทางการเมืองเป็นแค่ ‘ปาหี่’ เท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฝ่ายรัฐบาลจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอนด้วยคะแนนเสียงที่ห่างกันอย่างน้อย 39 เสียงดังที่กล่าวมาข้างต้น
แต่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคอื่น มองเกมไปหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วว่า น่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีบางรายออก เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาหลัก เพราะที่ผ่านมา 7 เดือนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ (2) มีแต่ ‘ทรง’ กับ ‘ทรุด’ ไม่กระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย ?
ต้องเข้าใจก่อนว่า เบื้องต้น พรรคการเมืองที่มี ส.ส. ในสังกัดมาก จะมี ‘พาวเวอร์’ ในการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีต่าง ๆ โดยเฉพาะ ‘กระทรวงเกรดเอ’ เช่น พรรคพลังประชารัฐ มีจำนวนโควตารัฐมนตรีเยอะกว่าพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ เนื่องจากมีเสียง ส.ส. ในสภาเยอะกว่า เป็นต้น
ดังนั้นในเมื่อ (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ ‘เพลี่ยงพล้ำ’ ถูกยุบพรรค พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ รวมถึงพรรคอื่น ๆ จึง ‘สบช่อง’ ใช้โอกาสนี้กวาดต้อน ส.ส. เข้าร่วมสังกัดนั่นเอง
นอกเหนือจากพรรคภูมิใจไทยที่ปรากฏตามรายงานข่าวของสื่อหลายสำนักแล้ว ก่อนหน้านี้นายชัชวาลย์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ให้สัมภาษณ์ยอมรับเช่นกันว่า มี ส.ส.สีส้มบางราย ติดต่อขอย้ายมาเข้าพรรคด้วย (ก่อนหน้านี้พรรคพลังท้องถิ่นไท รับ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ และนายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.งูเห่าอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกขับออก มาสังกัดแล้วเช่นกัน)
“ถ้าคนอยู่กับเรามากขึ้น และเราสามารถทำงานได้ เราก็ต้องเอาตำแหน่ง เพราะเราทำงานเรื่องท้องถิ่นได้สบายๆ บุคลากรของพรรครู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นเป็นอย่างดี เมื่อถามว่าตำแหน่งใดจะช่วยให้ทำงานตามเป้าหมายของพรรคได้ดีที่สุด ไม่ถึงขั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่อาจจะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยก็พอ” คือคำยืนยันของนายชัชวาลย์ (อ้างอิงข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์)
(นายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท, ภาพจาก www.innnews.co.th)
ว่ากันว่า สาเหตุที่พรรคพลังท้องถิ่นไท จำเป็นต้องกวาด ส.ส. มาเข้าพรรคให้มากขึ้น เพราะอาจต้องการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะก่อนหน้านี้ ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท มี 3 ราย เท่ากับพรรคชาติพัฒนา ทว่าสาเหตุที่พรรคชาติพัฒนาได้โควตาเก้าอี้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง เพราะ ‘ดีลลับ’ ระหว่าง ‘บิ๊ก คสช.’ และ ‘บิ๊กชาติพัฒนา’ ต่อรองกันก่อนหน้าการเลือกตั้ง ทำให้ฝันของนายชัชวาลย์ต้องปิ๋ว
แต่คราวนี้ ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท มีอย่างน้อย 5 ราย (รวม น.ส.กวินนาถ และนายจารึก) เหนือกว่าพรรคชาติพัฒนาแล้ว และยังจะกวาดมาเพิ่มเติมอีก ดังนั้นหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีในอนาคตอันใกล้ พรรคพลังท้องถิ่นไทอาจได้โควตารัฐมนตรีก็เป็นไปได้ ?
แต่ที่ประมาทไม่ได้คือ พรรคการเมืองที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นหมาด ๆ อย่าง ‘พรรคกล้า’ นำโดยนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอรถถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.พรรคสีฟ้า ที่ว่ากันว่า จัดตั้งพรรคขึ้นมาโดยมองเกมออกแล้วว่า พรรคอนาคตใหม่น่าจะถูกยุบ จึงรอช้อน ส.ส. ที่เหลือ
ขอแค่กวาดมาได้ 4-5 ราย ก็สามารถต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรี หรือตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาลได้แล้ว ?
เพราะอะไรทำไมการซื้อตัวต่อรองรัฐมนตรีจึงทำกันได้ง่ายได้เช่นนี้ เป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ‘ดีไซน์’ มาเพื่อลดอิทธิพลของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ไม่ให้มีความเข้มแข็งมากเกินไป เพิ่มอัตราต่อรองของพรรคการเมืองระดับกลาง และระดับล่างมากขึ้น นั่นทำให้หลังการเลือกตั้ง การคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะทำให้ไม่มีพรรคใดมีเสียงข้างมากชนะโดยเด็ดขาด ปัญหานี้จึงเกิดขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาต่อจากนี้ (อดีต) พรรคอนาคตใหม่ จะเลือดไหลไปร่วมขบวนกับพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคอื่น ๆ จำนวนกี่ราย และคนที่พร้อมจะ ‘เดินทาง’ ต่อไปกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเหลือกี่ราย ?
แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ มหกรรมกวาดต้อน ส.ส. เกิดขึ้นแล้ว และรัฐสภาไม่ต่างอะไรกับตลาดที่มีไว้ชอปปิ้ง!
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/