ละเอียดยิบ คำพิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราช น.ส.3 ก.17 ไร่ เจ้าปัญหา จาก สุชาติ - บุญชุ - พล.ต.อ.สันต์ - บ. กะตะ บีช เจ้าของเดอะพีคฯ จ.ภูเก็ต เปลี่ยนมือ 4 รอบ กระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ จนท.ที่ดินใช้ดุลพินิจ โดย‘มิชอบ’ อย่างไร? ก่อนรอผลศาล ปค.สูงสุด
กรณีปัญหาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1863 เนื้อที่ 17 -1-44 ไร่ บริเวณเนินเขาหาดกะตะ หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต โครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ บริษัท กะตะ บีช จำกัด ถูกร้องเรียนว่ากระบวนการออกเอกสารสิทธิ์กระทำโดยมิชอบ ปัจจุบันสถานะโครงการถูกระงับการก่อสร้าง และ อยู่ระหว่างพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุด หลังจากก่อนหน้านี้ วันที่ 31 ส.ค. 2560 ศาลปกครองนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 266/2560 ให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. โดยให้มีผลย้อนหลัง นับแต่วันที่ออก น.ส.3 ก. (วันที่ 17 เม.ย. 2555)
ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมารายงาน แล้วว่า ที่ดินแปลงนี้ออก น.ส.3 ก.ในชื่อ นายสุชาติ รักสงบ อยู่บ้านเลขที่ 9 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา เมื่อ วันที่ 17 เม.ย. 2555 โดย นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต หลังจากนายสุชาติยื่นคำขอเมื่อ วันที่ 28 ธ.ค. 2554 โดยมอบอำนาจให้นายบุญชู ดำรงกิจการวงศ์ มายื่นเรื่องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ใช้ระยะเวลา 3 เดือนเศษ ต่อมาที่ดินแปลงนี้ถูกขายให้กับนายบุญชู เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2555 หลังจากนั้น 1 วัน คือ วันที่ 19 เม.ย. 2555 นายบุญชู ขายให้กับ พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับ นายทรงชัย อัจฉริยหิรัญชัย นักธุรกิจ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาอยู่กับ บริษัท กะตะ บีช จำกัด เจ้าของโครงการเดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ในปัจจุบัน
(อ่านประกอบ:เปิดที่มา น.ส.3 ก. 17 ไร่ บ.อสังหาฯ ภูเก็ต ก่อนกรณีดรามา‘สิระ’ ขายให้อดีตบิ๊ก ตร.-นักธุรกิจดัง)
สำนักข่าวอิศรานำคำพิพากษาของศาลปกครองนครศรีธรรมราช มารายงานโดยเรียบเรียงเนื้อหาดังนี้
คดีนี้ เป็นคดีระหว่าง นายสิกรณ์ ภูมิกำจร ผู้ฟ้องคดี
นายสุชาติ รักสงบ ผู้ร้องสอด
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ผู้ถูกฟ้องคดี
ผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่ง 2 ข้อ
1.ให้เพิกถอน น.ส.เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกให้แก่นายสุชาติ รักสงบ
2.ให้ออก น.ส.3 ก. ตามคำขอที่ 142 /2567 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 (ที่ถูกคือคำขอที่ 142 /2537)ให้แก่ นายเกษม แสงสว่าง และผู้ฟ้องคดีแทน น.ส.เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกให้แก่นายสุชาติ รักสงบ
@ประเด็นพิจารณา 2 ประเด็น
ศาลปกครองกำหนดประเด็นพิจารณาเป็นสองประเด็น
ประเด็นแรก ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต หรือไม่
ประเด็นนี้สรุปได้ว่า ศาลเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีสั่งให้ออก น.ส.3 ก.เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดี
ประเด็นที่สอง ผู้ถูกฟ้องคดีออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ให้กับผู้ร้องสอด (นายสุชาติ) เป็นการกระทําที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ประเด็นนี้มีรายละเอียดดังนี้ น.ส.เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกให้แก่นายสุชาติ รักสงบ
โดยที่ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยดังกล่าวมีเหตุมาจากการที่ผู้ร้องสอด (นายสุชาติ) ได้มีคําขอ ฉบับที่ 3017 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2554 ขอตรวจสอบเรื่องการออก น.ส.3 ก. ตามคําขอ ฉบับที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 และขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีแก้ไขคําสั่ง ยกเลิกคําขอออก น.ส.3 ก. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2552 และดําเนินการออก น.ส.3 ก. ให้ผู้ร้องสอด
ผู้ถูกฟ้องคดีเห็นว่า ผู้ร้องสอด (นายสุชาติ) เป็นเจ้าของที่ดินและเป็นคู่กรณีที่แท้จริงแต่ไม่ได้เข้ามาในกระบวนพิจารณาทางปกครองตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และเป็นกรณีที่ข้อเท็จจริง เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากผู้ฟ้องคดีไม่อาจอ้างได้ว่าซื้อที่ดินจากนายเกษม เพราะ นายเกษมเป็นเพียงตัวแทนผู้ร้องสอดเท่านั้น ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีคําสั่งให้ยกเลิกคําสั่งยกเลิก คําขอออก น.ส.3 ก.ดังกล่าว และนําคําขอดังกล่าวมาพิจารณาใหม่
กรณีจึงมีปัญหาที่จะต้อง พิจารณาก่อนว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดี มีคําสั่งให้ยกเลิกคําสั่งยกเลิกคําขอฉบับที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 และนําคําขอดังกล่าวมาพิจารณาใหม่ตามคําขอของผู้ร้องสอด เป็นการกระทําที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อคู่กรณีมีคําขอ เจ้าหน้าที่อาจเพิกถอนหรือแก้ไขเพิ่มเติมคําสั่งทางปกครองที่พ้นกําหนดอุทธรณ์ตามส่วนที่ 5 ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ (1) มีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทําให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นที่ยุติแล้วนั้น เปลี่ยนแปลงไปในสาระสําคัญ (2) คู่กรณีที่แท้จริงมิได้เข้ามาในกระบวนพิจารณา ทางปกครองหรือได้เข้ามาในกระบวนพิจารณาครั้งก่อนแล้วถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรม ในการมีส่วนร่วมในกระบวนพิจารณาทางปกครอง (3) เจ้าหน้าที่ไม่มีอํานาจที่จะทําคําสั่ง ทางปกครองในเรื่องนั้น (4) ถ้าคําสั่งทางปกครองได้ออกโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือ ข้อกฎหมายใดและต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสําคัญใน ทางที่จะเป็นประโยชน์แก่คู่กรณี วรรคสอง บัญญัติว่า การยื่นคําขอตามวรรคหนึ่ง (1) (2) หรือ (3) ให้กระทําได้เฉพาะเมื่อคู่กรณีไม่อาจทราบถึงเหตุนั้นในการพิจารณาครั้งที่แล้ว มาก่อนโดยไม่ใช่ความผิดของผู้นั้น และวรรคสาม บัญญัติว่า การยื่นคําขอให้พิจารณาใหม่ ต้องกระทําภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้นั้นได้รู้ถึงเหตุซึ่งอาจให้ขอพิจารณาใหม่ได้ จากบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า อํานาจในการพิจารณาใหม่โดยเหตุคําสั่งทางปกครอง ได้ออกโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้น เปลี่ยนแปลงไปในสาระสําคัญในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่คู่กรณี จะต้องมีคําขอจากคู่กรณี โดยเหตุดังกล่าวข้างต้น และมีเหตุที่จะต้องพิจารณาใหม่ให้
@จนท.ที่ดินกระทำมิชอบ
เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ผู้ร้องสอด นายเกษม แสงสว่าง นางสายใจ ลักษณะมั่น นายประเสริฐ ชูภักดิ์ และนายยงยุทธ บุญทองคง ได้ยื่นคําขอรังวัดออกหนังสือรับรองการทํา ประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ในที่ดินที่ไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ต่อผู้ถูกฟ้องคดีตามคําขอฉบับที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 เจ้าหน้าที่ได้ทําการรังวัด และประกาศแจกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ครบกําหนดแล้ว ไม่มีผู้คัดค้าน แต่ระหว่างดําเนินการตามคําขอดังกล่าวได้มี ประกาศใช้บังคับกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 หลังจากนั้น นายเกษมได้มีหนังสือลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2547 แจ้งขอเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินจากเดิมเป็นนายเกษม และผู้ฟ้องคดี อ้างว่ามีการซื้อขายที่ดินระหว่างผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินรายอื่นให้กับนายเกษม และนายเกษมขายที่ดินบางส่วนซึ่งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติให้กับผู้ฟ้องคดี ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีหนังสือ ที่ ภก 0019.3/6291 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2547 แจ้งนายเกษม ว่าไม่สามารถออก น.ส.3 ก. สําหรับที่ดินแปลงที่นายเกษมขอออก น.ส.3 ก. โดยไม่แจ้ง การครอบครองได้ เนื่องจากเป็นที่เขา อันเป็นเขตหวงห้ามตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 27 มีนาคม 2499 และลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 และจังหวัดภูเก็ตเป็น ที่เกาะต้องห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ต่อมา นายเกษมได้อุทธรณ์คําสั่งดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ออก น.ส.3 ก. ให้แก่ นายเกษม เนื่องจากเป็นที่เกาะถูกต้องแล้ว นายเกษมกับผู้ฟ้องคดีจึงนําคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้เพิกถอนคําสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ปฏิเสธไม่ออก น.ส. 3 ก. เป็นคดีหมายเลขดําที่ 154/2548 ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่นายเกษมและผู้ฟ้องคดี โดยอ้างว่าเป็นที่เขาและที่เกาะ ซึ่งมีประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 27 มีนาคม 2499 และวันที่ 21 พฤษภาคม 2521 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 กําหนดห้ามมิให้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน จึงเป็น การนําข้อกฎหมายที่ไม่ถูกต้องยกมาเป็นเหตุปฏิเสธ ทั้งยังมิได้ดําเนินการตามคําขอให้ ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทําประโยชน์ ที่กรมที่ดินแจ้งเวียนให้ถือปฏิบัติ จึงเป็นการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้ออ้าง ที่ผู้ถูกฟ้องคดียกขึ้นต่อสู้คดีไม่อาจหักล้างให้การกระทําดังกล่าวเป็นการกระทําที่ชอบ ด้วยกฎหมายได้ ศาลจึงพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ภก 0019.3/06291 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2547 ที่แจ้งต่อนายเกษมว่าไม่สามารถออก น.ส. 3 ก. ในที่ดิน ตามคําขอให้ได้ เนื่องจากสภาพที่ดินเป็นที่เขาซึ่งเป็นเขตหวงห้ามตามประกาศกระทรวงมหาดไทย และจังหวัดภูเก็ตมีสภาพเป็นเกาะต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และให้ผู้ถูกฟ้องคดีดําเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ เกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ให้ถูกต้องต่อไป ตามคดีหมายเลขแดง ที่ 168/2551 คู่กรณีไม่อุทธรณ์ และคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมา นายเกษมและผู้ฟ้องคดีได้ ร่วมกันยื่นคําขอสรวมสิทธิการรังวัดออก น.ส. 3 ก. เพื่อให้เป็นไปตามคําพิพากษาต่อ ผู้ถูกฟ้องคดี แต่ปรากฏว่ามีผู้ยื่นคําร้องคัดค้านหลายราย เจ้าหน้าที่จึงต้องดําเนินการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายและคําพิพากษาของศาล ผู้ถูกฟ้องคดีได้ ดําเนินการตามคําพิพากษาของศาลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีการรายงานความคืบหน้า ให้ศาลทราบเป็นระยะตามที่ศาลมีคําสั่ง โดยที่ศาลก็ได้มีคําสั่งให้แจ้งผู้ฟ้องคดีทราบด้วย ทุกครั้ง จนกระทั่ง ผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือลงวันที่ 12 ตุลาคม 2552 แจ้งต่อศาลว่า ไม่สามารถดําเนินการออก น.ส. 3 ก. ในที่ดินที่นายเกษมและผู้ฟ้องคดีมีคําขอได้ เนื่องจาก การอ่าน แปลภาพถ่ายทางอากาศจากระวางแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศในบริเวณที่ดิน ดังกล่าวโดยผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรมพบว่า ที่ดินบริเวณที่นายเกษมและผู้ฟ้องคดีขอ ออก น.ส. 3 ก. นั้น มีสภาพเป็นป่าไม่ผลัดใบ ไม่มีสภาพการทําประโยชน์มาก่อนประมวล กฎหมายที่ดินใช้บังคับ (วันที่ 1 ธันวาคม 2497) และเชื่อได้ว่านายเกษมและผู้ฟ้องคดีได้ เข้าครอบครองภายหลังประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออก น.ส. 3 ก. เป็นการเฉพาะรายโดยไม่ได้แจ้งการครอบครองตามนัยมาตรา 59 ทวิ แห่ง ประมวลกฎหมายที่ดินได้ จึงมีคําสั่งไม่ออก น.ส. 3 ก. ให้นายเกษม ผู้ฟ้องคดี และผู้คัดค้าน การขอสรวมสิทธิรังวัดออก น.ส. 3 ก. ของนายเกษมและผู้ฟ้องคดีทุกรายทราบตามหนังสือ สํานักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ที่ ภก 0019.3/(22536) 15353, ที่ ภก 0019.3/ (22537) 15354, ที่ ภก 0019.3/(22538) 15355, ที่ ภก 0019.3/(22539) 15356, ที่ ภก 0019.3(22540) 15357, ที่ ภก 0019.3/(22541) 15358 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2552 และ ที่ ภก 0019.3/22661 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2552 ทั้งนี้ ก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีจะมีคําสั่งไม่ออก น.ส. 3 ก. ให้นายเกษมและผู้ฟ้องคดีดังกล่าว นั้น จังหวัดภูเก็ตได้มีหนังสือ ที่ ภก 0019.3/(6483) 4735, ที่ ภก 0019.3/(6482) 4736, ที่ ภก 0019.3/(6481) 4737, ที่ ภก 0019.3/(6480) 4738, ที่ ภก0019.3/ (6479) 4739 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2552 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดี ผู้ร้องสอด นางสายใจ ลักษณะมั่น นางรัตนา ชูภักดิ์ และนายเกษม ตามลําดับ ได้ทราบว่าจังหวัดภูเก็ตได้พิจารณากรณีการขอออก น.ส. 3 ก. ที่ผู้ฟ้องคดีและนายเกษมได้ขอสรวมสิทธิ และผู้ร้องสอด นางสายใจ และนางรัตนา ได้คัดค้านการขอสรวมสิทธิ สรุปความได้ว่า ที่ดินที่ขอออก น.ส. 3 ก. ไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าผู้ขอได้ครอบครองทําประโยชน์ต่อเนื่องสืบต่อกันมาก่อนวันที่ประมวลกฎหมาย ที่ดินใช้บังคับ จังหวัดภูเก็ตจึงแจ้งให้สืบหาพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อหักล้าง ความเห็นของจังหวัดภูเก็ต จึงเห็นได้ว่า ในการพิจารณาเพื่อมีคําสั่งไม่ออก น.ส. 3 ก. หรือ ยกเลิกคําขอออกหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ฉบับที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 ของผู้ถูกฟ้องคดีนั้น ผู้ร้องสอดได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทาง ปกครอง และได้มีโอกาสโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานอย่างเพียงพอแล้วตามหนังสือ ที่ ภก 0019.3/(6482) 4736 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2552 รวมถึงได้แจ้งคําสั่ง ทางปกครองกรณีดังกล่าวให้ผู้ร้องสอดทราบ พร้อมทั้งแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์คําสั่งและสิทธิ ในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามหนังสือ ที่ ภก 0019.3/22661 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2552 ดังนั้น การที่ผู้ร้องสอด (นายสุชาติ) ได้มีคําขอฉบับที่ 3017 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2554 ขอตรวจสอบ เรื่องการออก น.ส.3 ก. ตามคําขอฉบับที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 และ ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีแก้ไขคําสั่งยกเลิกคําขอออก น.ส.3 ก. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2552 และ ดําเนินการออก น.ส.3 ก. ให้ผู้ร้องสอด (นายสุชาติ) ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดี เห็นว่า ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่ดิน และเป็นคู่กรณีที่แท้จริง แต่ไม่ได้เข้ามาในกระบวนพิจารณาทางปกครองตามมาตรา 54 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และเป็นกรณี ที่ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากผู้ฟ้องคดีไม่อาจอ้างได้ว่าซื้อที่ดินจาก นายเกษม เพราะนายเกษมเป็นเพียงตัวแทนผู้ร้องสอดเท่านั้น ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีคําสั่ง ให้ยกเลิกคําสั่งยกเลิกคําขอออก น.ส.3 ก. ดังกล่าว และนําคําขอออกหนังสือรับรองการทํา ประโยชน์ดังกล่าวมาพิจารณาใหม่ รวมถึงการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออก น.ส.3 ก. เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ให้แก่ผู้ร้องสอด (นายสุชาติ) จึงเป็นการกระทําที่ ไม่ชอบด้วยมาตรา 54 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่ไม่ได้มีอํานาจเพิกถอนคําสั่งทางปกครองในกรณีที่คู่กรณีที่แท้จริงได้เข้ามา ในกระบวนพิจารณาทางปกครอง และไม่ได้ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วม ในกระบวนพิจารณาทางปกครอง เมื่อได้วินิจฉัยดังกล่าวนี้แล้ว กรณีจึงไม่จําต้องพิจารณากรณี ที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า การดําเนินการออก น.ส. 3 ก. ของผู้ถูกฟ้องคดีให้แก่ผู้ร้องสอดนั้น ไม่ได้แจ้ง ข้อเท็จจริงที่เพียงพอให้ผู้ฟ้องคดีสามารถโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนได้อย่างเพียงพอ แล้วหรือไม่ เนื่องจากไม่ว่าผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ ผู้ถูกฟ้องคดีจะมีอํานาจพิจารณารับคําขอพิจารณาใหม่ของผู้ร้องสอดดังกล่าวได้
สําหรับคําขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลออกคําบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีออก น.ส.3 ก. สําหรับที่ดินพิพาทใหม่ตามคําขอที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 ให้แก่นายเกษมและผู้ฟ้องคดีแทน น.ส.3 ก. เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอ เมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ออกให้แก่ผู้ร้องสอด นั้น เห็นว่า มาตรา 57 แห่งประมวล กฎหมายที่ดิน ประกอบกับข้อ 10 (2) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 กําหนดให้เป็นอํานาจหน้าที่ของ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด หรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา หรือเจ้าพนักงานที่ดินซึ่ง อธิบดีกรมที่ดินมอบหมาย ซึ่งเป็นอํานาจของฝ่ายปกครองที่จะได้ดําเนินการตามบทบัญญัติของ กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนั้น การจะออก น.ส.3 ก. ตามคําขอที่ 142/2537 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 ให้แก่นายเกษมและผู้ฟ้องคดีหรือไม่ นั้น ศาลปกครองไม่อาจก้าวล่วงไปใช้ ดุลพินิจของฝ่ายปกครองได้ ศาลจึงไม่อาจกําหนดคําบังคับตามคําขอของผู้ฟ้องคดีในส่วนนี้ได้
พิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ตําบลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยให้มีผลย้อนหลังนับจาก วันที่มีหนังสือรับรองการทําประโยชน์ดังกล่าว คําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
สรุปได้ว่า เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจโดยมิชอบในการออก น.ส.3 ก. ที่ดินแปลงนี้ รอผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
อ่านประกอบ:
ไทม์ไลน์: น.ส.3 ก. 17 ไร่ เดอะ พีค ภูเก็ต
จนท.มือออก น.ส.3 ก.17 ไร่ เดอะ พีคฯ มีประวัติถูก ปปง.อายัดทรัพย์คดีเกาะนาคาน้อย
แกะรอย บ.ในสิงคโปร์ หุ้นส่วนเดอะพีค ภูเก็ต แค่โฮลดิ้ง จดทะเบียนก่อน กะตะ บีช 1 วัน
เผยโฉม น.ส.3 ก.17 ไร่เจ้าปัญหา เดอะ พีคฯ จ.ภูเก็ต เปลี่ยนมือ 3 หน
เดอะ พีคฯ ภูเก็ต เปลี่ยนผู้ถือหุ้น 5 ครั้ง - บ.จดทะเบียนในสิงคโปร์ร่วมด้วย
บ.อสังหาฯแจงซื้อน.ส.3 ก ภูเก็ต ‘นักธุรกิจ-อดีตบิ๊กตร.’โปร่งใส-แพ้คดีฟ้องกลับคนขาย (มีคลิป)
เปิดที่มา น.ส.3 ก. 17 ไร่ บ.อสังหาฯ ภูเก็ต ก่อนกรณีดรามา‘สิระ’ ขายให้อดีตบิ๊ก ตร.-นักธุรกิจดัง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/