
"...แต่เมื่อคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่คงบรรยายจำนวนเงินทั้งหมดที่จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ต้องชำระตามราคามันสำปะหลังเส้นที่รับไปจากฝ่ายผู้ร้องตามสัญญาเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงประการอื่น ประกอบกับ จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ยังไม่ได้ให้การต่อสู้คดีในส่วนแพ่ง คดีมีทุนทรัพย์สูงและข้อเท็จจริงสลับซับซ้อนการดำเนินคดีแพ่งต่อไปจะทำให้การพิจารณาคดีอาญาเนิ่นช้าหรือยุ่งยากติดขัด ในชั้นนี้ จึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่สั่งรับคำร้องและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำรับคำร้อง โดยให้ผู้ร้องทั้งสี่ดำเนินการฟ้องคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจชำระต่อไป..."
กรณีศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท60/2567 ระหว่าง อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ได้ยื่นฟ้อง นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส. จังหวัดราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (ปัจจุบันเปลี่ยนไปสังกัดพรรคกล้าธรรม) จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 10 คน ในข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 กรณีกล่าวหาทุจริตในการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามโครงการแทรกแซงตลาด มันสำปะหลังปี 2551/2552 ครั้งที่ 9 เพื่อใช้ภายในประเทศ ซึ่งมีการรวมสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อท 53/2567 ที่ อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ยื่นฟ้อง นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ , พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นสำนวนเดียวกัน
โดย นายมนัส สร้อยพลอย ถูกศาลฯ ตัดสินลงโทษจำคุก 10 ปี ขณะที่ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ กำนันตุ้ย สามี ถูกลงโทษจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดผลคำพิพากษาที่สำคัญมานำเสนอไปแล้วว่า
หนึ่ง.
จำเลยในคดีนี้ มีจำนวน 13 ราย ได้แก่
- นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 1
- บริษัท เอเซีย ฟรุคโตส จำกัด จำเลยที่ 2
- นางศิริวรรณ ทรัพย์ส่งแสง กรรมการ บริษัท เอเซีย ฟรุคโตส จำกัด จำเลยที่ 3
- นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา จำเลยที่ 4
- นางกัลยา ศิริพลวุฒิกุล กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 5
- นายอริยนัทธ์ รังษีเสริมสุข ตัวแทนไพรสะเดาฟาร์ม จำเลยที่ 6
- นางเสาวลักษณ์ เย็นใส ตัวแทนหนองลังกาฟาร์ม จำเลยที่ 7
- บริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 8
- บริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 9
- บริษัท ธารณ์ธนวัต จำกัด จำเลยที่ 10
- บริษัท กาญจนา เฟรชพอร์ค จำกัด จำเลยที่ 11
- นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา จำเลยที่ 12
- นายวิชิต ปาลวิสุทธิ์ จำเลยที่ 13
สอง.
ศาลฯ มีคำพิพากษาตัดสินคดี ว่า นายมนัส สร้อยพลอย จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 13, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษ ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ลงโทษจำคุก 10 ปี
นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา จำเลยที่ 4 , นางกัลยา ศิริพลวุฒิกุล จำเลยที่ 5 , นายอริยนัทธ์ รังษีเสริมสุข จำเลยที่ 6 , นางเสาวลักษณ์ เย็นใส จำเลยที่ 7 , บริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 8 , บริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 9 , บริษัท ธารณ์ธนวัต จำกัด จำเลยที่ 10 , บริษัท กาญจนา เฟรชพอร์ค จำกัด จำเลยที่ 11 , นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา จำเลยที่ 12 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 13, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบ มาตรา 86 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษ ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ลงโทษจำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 12 จำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน
ลงโทษ บริษัท กาญจนพันธ์ ฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 8 , บริษัท กาญจนาฟาร์ม จำกัด จำเลยที่ 9 ,บริษัท ธารณ์ธนวัต จำกัด จำเลยที่ 10 บริษัท กาญจนา เฟรชพอร์ค จำกัด จำเลยที่ 11 ปรับคนละ 250,000 บาท
หากจำเลยที่ 8 ถึงที่ 11 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29
ให้นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของ จำเลยที่ 4 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.อธ.3-4/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.2-3/2562 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและติดต่อกับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 30/2567 หมายเลขแดงที่ อท 170/2567 ของศาลนี้
ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
อย่างไรก็ดี ในคำพิพากษาดังกล่าว มีการระบุไม่รับคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของผู้ร้องทั้งสี่ โดยให้ผู้ร้องทั้งสี่ดำเนินการฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจชำระ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนแพ่งให้เป็นพับ

@ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ กำนันตุ้ย / อ้างอิงภาพจากhttps://www.sanook.com/news/politic/
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลคำพิพากษาคดีนี้ พบว่า มีการระบุตัวเลขค่าเสียหายที่รัฐได้รับจากส่วนต่างราคามัน ที่ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ กำนันตุ้ย สามี และพวก นำไปขายต่อ และต้องชดใช้เป็นจำนวนรวมดอกเบี้ยสูงถึง 2,015,034,819.07 บาท
ส่วนเหตุผลที่ศาลฯ ไม่รับคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเพราะในการพิจารณาคดีส่วนนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริงประการอื่น ประกอบกับ จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ยังไม่ได้ให้การต่อสู้คดีในส่วนแพ่ง คดีมีทุนทรัพย์สูงและข้อเท็จจริงสลับซับซ้อนการดำเนินคดีแพ่งต่อไปจะทำให้การพิจารณาคดีอาญาเนิ่นช้าหรือยุ่งยากติดขัด ในชั้นนี้จึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่สั่งรับคำร้องและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำรับคำร้อง โดยให้ผู้ร้องทั้งสี่ดำเนินการฟ้องคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจชำระต่อไป
ปรากฏรายละเอียดตามคำพิพากษาดังต่อไปนี้
"..คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายว่า จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ต้องร่วมกันรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ (กรมการค้าต่างประเทศ, องค์การคลังสินค้า, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง) หรือไม่เพียงใด
เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 เป็นความผิดจริงตามฟ้อง โดยในการพิพากษาคดีในส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าการกระทำของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 เป็นการร่วมกันจงใจกระทำละเมิดต่อผู้ร้องทั้งสี่ เป็นเหตุให้ผู้ร้องทั้งสี่ได้รับความเสียหายแล้ว จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 จึงต้องร่วมกันรับผิดขดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่
ผู้ร้องทั้งสี่เรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นราคามันสำปะหลังเส้นอันเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องทั้งสี่ต้องเสียไป เพราะการกระทำละเมิดเป็นเงิน 1,013,062,369.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดตามกฏหมายรวมกันเป็นเงินทั้งสิ้น 2,015,034,819.07 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาบวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี ของต้นเงิน 1,013,062,369.50 บาท นับแต่วันยื่นคำร้อง
แต่ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนได้ความว่า จำเลยที่ 8 ชำระราคาค่ามันสำปะหลังเส้นตามสัญญาซื้อขายแก่ผู้ร้องที่ 2 และได้รับมันสำปะหลังเส้นจากคลังสินค้าไปแล้ว
โดยจำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 นำมันสำปะหลังเส้นเป็นปริมาณส่วนใหญ่ ไปจำหน่ายต่อให้แก่บุคคลภายนอกและได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของราคา
ดังนั้น การกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 รับผิดชดใช้ให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ แม้ศาลอาจพิจารณากำหนดให้ได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด แต่อย่างน้อยต้องมีฐานในการคิดคำนวณโดยหักจากราคาค่ามันสำปะหลังที่จำเลยที่ 8 ชำระ ให้แก่ผู้ร้องที่ 2 แล้วตามสัญญา ซื้อขาย ผลประโยชน์จากส่วนต่างของราคาและปริมาณมันสำปะหลังเส้นที่ จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ได้รับจากการนำไปจำหน่ายต่อให้แก่บุคคลภายนอก และราคาของมันสำปะหลังเส้นในท้องตลาดโดยทั่วไปในขณะนั้น
นอกจากนี้ ยังต้องรับฟังข้อต่อสู้ตามคำให้การส่วนแพ่งของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ถ้าหากมีอีกด้วย
แต่เมื่อคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่คงบรรยายจำนวนเงินทั้งหมดที่จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ต้องชำระตามราคามันสำปะหลังเส้นที่รับไปจากฝ่ายผู้ร้องตามสัญญาเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงประการอื่น ประกอบกับ จำเลยที่ 4 ถึงที่ 12 ยังไม่ได้ให้การต่อสู้คดีในส่วนแพ่ง
คดีมีทุนทรัพย์สูงและข้อเท็จจริงสลับซับซ้อนการดำเนินคดีแพ่งต่อไปจะทำให้การพิจารณาคดีอาญาเนิ่นช้าหรือยุ่งยากติดขัด
ในชั้นนี้ จึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่สั่งรับคำร้องและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำรับคำร้อง
โดยให้ผู้ร้องทั้งสี่ดำเนินการฟ้องคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจชำระต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 41 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 ..."
************
จากคำพิพากษาข้างต้น จึงเป็นหน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศ, องค์การคลังสินค้า, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ที่จะต้องดำเนินการฟ้องคดีแพ่ง ต่อ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ กำนันตุ้ย สามี และพวก เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายที่รัฐได้รับจากกรณีการทุจริตในการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ที่เกิดขึ้น อีก 1 คดี
บทลงโทษที่ได้รับจากคดีนี้จึงไม่ได้มีแค่โทษจำคุกเท่านั้น หากแต่ยังจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐด้วย ในกรณีแพ้คดีความทางแพ่ง
ส่วนวงเงินค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ย จะมีจำนวนรวมมากกว่าอัตราเดิม 2,015,034,819.07 บาท หรือไม่?
กระบวนการฟ้องร้องคดีส่วนนี้ จะเริ่มต้นได้เมื่อไหร่?
นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ กำนันตุ้ย สามี และพวก จะมีข้อต่อสู้เพิ่มเติมอย่างไร? มีน้ำหนักฟังขึ้นหรือไม่?
คอยจับตาดูกันต่อไป แบบพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด
อ่านประกอบ :
- ศาลพิพากษาคดีมันฯ สั่งจำคุก 'นายกฯตุ้ย- สส.บุญยิ่ง'คนละ 6 ปี 8 ด. - 'มนัส' โดน 10 ปี
- จริงหรือ? 'กำนันตุ้ย-บุญยิ่ง'โดนชี้มูลคู่ 'ผัว-เมีย' ถูกยื่นฟ้องคดีมันฯ-เจ้าตัวให้ไปถามศาล
- เบื้องลึก! มติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีทุจริตระบายมันฯ 'บุญยิ่ง' สส.พปชร.โดนด้วย -ลูกสาวรอด
- ไขคำตอบ ‘บุญยิ่ง-วิวัฒน์ ’ต้องพ้นเก้าอี้ สส.-นายก อบจ.หรือไม่ หลังศาลตัดสินจำคุกคดีมันฯ
- 'บุญยิ่ง' โดนอีกคดี! ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ - ช่วงเป็นที่ปรึกษา รมว.พณ.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา