"...นางสิริกรฯ และนางสาววรินทรฯ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับที่เจ้าพนักงานแสดงให้ดูจริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ จากนั้นได้นำตัวไปยังกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เพื่อทำบันทึกจับกุม เก็บลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติผู้ถูกกล่าวหา/ผู้ถูกจับ รวมทั้งแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการและฝ่ายปกครองและดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565..."
บุกรวบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตกันแล้ว!
กรณีล่าสุดนี้เป็นผลสืบเนื่องจาก นักสืบสวนคดีทุจริตสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 และนักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ลงพื้นที่ปฏิบัติการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับจำนวน 2 ราย คือ นางสิริกรหรือปราณี สุนทรสุขกิจหรือกิตติเสฐกุล และ นางสาววรินทร กิตติเสฐกุล บุคคลตามหมายจับ ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ข้อมูลเกี่ยวกับ นางสิริกรหรือปราณี สุนทรสุขกิจหรือกิตติเสฐกุล ถูกระบุว่า เป็นเจ้าของและผู้บริหารจัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี. มอเตอร์ สำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ประกอบกิจการอู่ซ่อมหรือดัดแปลงสภาพรถยนต์และรถบรรทุก โดยเมื่อปี พ.ศ. 2551 - 2552 ได้เข้าทำสัญญาจ้างเหมาปรับปรุงเปลี่ยนสภาพรถบรรทุกน้ำเป็นรถดับเพลิงโดยวิธีพิเศษ จำนวน 1 คัน ราคา 1,700,000 บาท กับเทศบาลตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม โดยมิชอบ
ส่วนนางสาววรินทร กิตติเสฐกุล เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี. มอเตอร์ เมื่อปี พ.ศ. 2553 ได้เข้าทำสัญญาจัดซื้อรถยนต์บรรทุกน้ำอเนกประสงค์ จำนวน 1 คัน ในราคา 1,997,000 บาท กับองค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้อย อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมิชอบ การกระทำของนางสาววรินทร กิตติเสฐกุล จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้อย ในการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และเกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้อยและทางราชการ
น่าสนใจว่า สถานะปัจจุบันของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี. มอเตอร์ เป็นอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สถานะปัจจุบัน ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี.มอเตอร์ ล้มละลายแล้ว
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี.มอเตอร์ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2539 ทุนล่าสุด 10,200,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 92 หมู่ 12 ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม แจ้งประกอบธุรกิจ ต่อตัวถัง เคาะพ่นสี ซ่อมรถยนต์
จดทะเบียนเลิกห้าง ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 และขณะนี้ยังไม่ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี และศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี.มอเตอร์ ล้มละลาย คดีหมายเลขแดงที่ ล.3647/2557
ในช่วงเดือน พ.ย.2554 มีผู้ถือหุ้น 3 ราย คนนามสกุลเดียวกับ นางสิริกรหรือปราณี สุนทรสุขกิจหรือกิตติเสฐกุล 2 ราย ร่วมถือหุ้น (ไม่มีชื่อของ นางสิริกรหรือปราณี สุนทรสุขกิจหรือกิตติเสฐกุล และ นางสาววรินทร กิตติเสฐกุล รวมถือหุ้นด้วยแต่อย่างใด)
นำส่งงบการเงิน ล่าสุด ณ 31 ธ.ค.2552 แจ้งว่า มีรายได้รวม 27,667,238.37 บาท รวมรายจ่าย 27,263,134.53 บาท กำไรสุทธิ 282,872.69 บาท
เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ พบว่า นับตั้งแต่ปี 2550-2553 หจก. เอ.เอส.พี. มอเตอร์ ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาจัดซื้อรถบรรทุก-จ้างเหมาซ่อมแซม กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมจำนวนกว่า 12 แห่ง วงเงินหลักสิบล้านบาท (ดูตารางประกอบ)
แต่ที่ผ่านยังไม่มีปรากฏข่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างในส่วน อปท.อื่น ๆ มีปัญหาเกิดขึ้นซ้ำรอยเดียวกันกับ เทศบาลตำบลท่าขอนยาง และ องค์การบริหารส่วนตำบลกุดน้อย หรือไม่
*******
ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี. มอเตอร์ ที่สำนักข่าวอิศรา สามารถตรวจสอบได้
ขณะที่ในรายงานการสอบสวน ป.ป.ช.ระบุว่า กรณีนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนหาข่าวและเฝ้าสังเกตการณ์จนแน่ใจว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย ได้แก่ นางสิริกรฯ (มารดา) และนางสาววรินทรฯ (บุตรสาว) พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 92 หมู่ที่ 12 ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ.เอส.พี. มอเตอร์ ปัจจุบันคือบริษัท ทรัพย์มงคลแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด แต่เนื่องจากภายในบริเวณบ้านหลังดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ มีลักษณะเป็นโรงงานและที่อยู่อาศัย และมีรั้วกั้นโดยรอบของพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขอหมายค้น โดยศาลจังหวัดมหาสารคามได้อนุมัติหมายค้นเลขที่ ค.481/2567 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2567 เพื่อเข้าทำการจับบุคคลหมายจับทั้ง 2 ราย
จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ฯ ได้เข้าตรวจค้นภายในบริเวณบ้านหลังดังกล่าว พบบุคคลตามหมายจับทั้ง 2 รายดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงาน แสดงหมายจับและอ่านหมายจับให้ฟัง นางสิริกรฯ และนางสาววรินทรฯ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับที่เจ้าพนักงานแสดงให้ดูจริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ จากนั้นได้นำตัวไปยังกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เพื่อทำบันทึกจับกุม เก็บลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติผู้ถูกกล่าวหา/ผู้ถูกจับ รวมทั้งแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการและฝ่ายปกครองและดำเนินการตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565
จากนั้นได้ควบคุมตัวนางสาววรินทรฯ ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 (สุรินทร์) และควบคุมตัวนางสิริกรฯ ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 4 เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 (ขอนแก่น) ต่อไป
อย่างไรก็ดี ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด