"...สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา มีการแถลงผลชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหา นายสุชาติ ชายมัน ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการศูนย์ส่งเสริมการนวดเพื่อสุขภาพ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา (กิจกรรมศูนย์นวด) นำครุภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ 1. โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง , 2. คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง , 3. กล้องถ่ายภาพ จำนวน 1 เครื่อง , 4. กล้องวิดีโอ จำนวน 1 เครื่อง และ 5. เครื่องตัดหญ้า จำนวน 2 เครื่อง..."
นายสุชาติ ชายมัน อดีตนักวิเคราะห์แผนและนโยบาย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา ที่เคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลคดีทุจริตปลอมเอกสารรับเงินโครงการอบรมศูนย์นวด 3 หลักสูตร ไปแล้ว
ล่าสุด ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเพิ่มอีก 1 คดี คือ นำครุภัณฑ์หลายรายการของศูนย์นวดไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการ ในการแถลงข่าวผลการดำเนินงานที่สำคัญ ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดในเขตพื้นที่ภาค 9 เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา
โดยในส่วนสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา มีการแถลงผลชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหา นายสุชาติ ชายมัน ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการศูนย์ส่งเสริมการนวดเพื่อสุขภาพ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา (กิจกรรมศูนย์นวด) นำครุภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ 1. โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง , 2. คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง , 3. กล้องถ่ายภาพ จำนวน 1 เครื่อง , 4. กล้องวิดีโอ จำนวน 1 เครื่อง และ 5. เครื่องตัดหญ้า จำนวน 2 เครื่อง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นว่า การกระทำของนายสุชาติ ชายมัน ผู้ถูกกล่าวหา กรณีนำครุภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 90 มาตรา 147 และมาตรา 157 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 123/1 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2554 ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ตามมาตรา 85 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ระบุว่า คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจาก นายสุชาติ ชายมัน ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ 17 รายการ งบประมาณ 996,000 บาท โครงการศูนย์ส่งเสริมการนวดเพื่อสุขภาพ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา (กิจกรรมศูนย์นวด) เป็นเหตุให้ทางราชการหรือผู้อื่นได้รับความเสียหาย
การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แบ่งเป็น 3 กรณี คือ กรณีปลอมลายมือชื่อ , กรณีกระทำการตรวจรับพัสดุไม่ชอบด้วยกฏหมาย และ กรณีนำครุภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีปลอมลายมือชื่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอ ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
กรณีกระทำการตรวจรับพัสดุไม่ชอบด้วยกฏหมาย ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอ ว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา แต่การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในเรื่องของการจัดทำบันทึกถึงเหตุที่ไม่สามารถติดตั้งครุภัณฑ์ทั้งหมดตามสัญญาซื้อขายได้ และจดบันทึกถึงสถานที่จัดเก็บครุภัณฑ์อีก 15 รายการ ไว้ในใบตรวจรับพัสดุ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ไม่เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี ฯ เป็นความผิดวินัยราชการไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
ส่วน กรณีนำครุภัณฑ์ไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้งเห็นว่า มีมูลเป็นความผิดทางอาญาและเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามที่ปรากฏเป็นข่าวข้างต้น
สำหรับคดีแรกที่ถูกกล่าวหา ทุจริตปลอมเอกสารรับเงินโครงการอบรมศูนย์นวด 3 หลักสูตร นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยะลา มีการเปิดเผยข้อมูลไปแล้วว่าคดีนี้ มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย คือ
1.นายสุชาติ ชายมัน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์แผนและนโยบาย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา
2.นางสุคนธา ตั้งวนาไพร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพยาบาลชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา
3.นายบรรเจิด พัฒนสาร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา
ข้อกล่าวหาเป็นกรณีร่วมกันทุจริตการจัดอบรม 3 หลักสูตร (กิจกรรมศูนย์นวด) ซึ่งเป็นเหตุให้ทางราชการหรือผู้อื่นได้รับความเสียหาย
หลังดำเนินการจัดอบรมเสร็จสิ้นทั้ง 3 หลักสูตร ปรากฏว่า มีการทุจริตเกี่ยวกับอบรมทั้ง 3 หลักสูตร ดังต่อไปนี้
1.ทุจริตเงินค่าตอบแทนวิทยากรในการจัดอบรม 3 หลักสูตร โดยการกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในใบสำคัญรับเงินค่าตอบแทนวิทยากรผู้ช่วย และปลอมลายมือชื่อผู้ช่วยวิทยากรในใบสำคัญรับเงินค่าตอบแทนวิทยากร
2.ทุจริตค่าประกอบอาหารหลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทย และหลักสูตรนวดฝ่าเท้า รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 โดยมีการกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในใบสำคัญรับเงินประกอบอาหาร
3.ทุจริตค่าที่พักการจัดอบรมหลักสูตรสปาเพื่อสุขภาพ โดยมีการกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในใบสำคัญรับเงินค่าห้องพัก
4.ทุจริตการออกปฏิบัติภาคสนามหลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทย 372 ชั่วโมง และหลักสูตรสปาเพื่อสุขภาพ โดยกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในใบสำคัญรับเงินค่าตอบแทนออกปฏิบัติภาคสนาม
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ นายสุชาติ ชายมัน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริตตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน สำหรับการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 162 (1) (4) มาตรา 264 ประกอบมาตรา 268 ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธิการดำเนินคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ให้ยุติการดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าว
ส่วนการกระทำของ นางสุคนธา ตั้งวนาไพร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำไปเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ และมีความผิดทางวินัยตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ด้วย
ส่วนการกระทำของ นายบรรเจิด พัฒนสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอที่จะฟังได้ว่า ได้กระทำการอันมีมูลความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาในทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของราชการ และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลกับ นายสุชาติ ชายมัน และ นางสุคนธา ตั้งวนาไพร พร้อมส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายสุชาติ ชายมัน ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ
ส่วน นางสุคนธา ตั้งวนาไพร และนายบรรเจิด พัฒนสาร ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 2 คดี ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
แต่ไม่ว่าบทสรุปการต่อสู้คดีในชั้นศาล จะออกมาเป็นอย่างไร กรณีของ นายสุชาติ ชายมัน และพวก นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญของเจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศ ไม่ให้กระทำผิดซ้ำรอย เอาเป็นเยี่ยงอย่างทั้งในปัจจุบัน และอนาคต สืบไป
อันเป็นผลสืบเนื่องจากวิบากกรรมการทุจริตที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง
"ศูนย์นวดร้าง"กลางเบตงสูญ 16 ล้าน "เทศบาล-ท่องเที่ยวยะลา" โยนกลองวุ่น
หอบเอกสารหนี-กลัวหาย! เหตุผลที่"ศูนย์นวดเบตง"ร้าง เล็งของบฟื้นฟู