"...หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปีด้วย..."
นายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองปลาหมอ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
มิได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีทุจริตกล่าวหา เรียก รับ เงินส่วนแบ่งจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ประจำปี พ.ศ.2554 จากพนักงาน และลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาหมอเท่านั้น
หากแต่ นายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร ยังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่า 33,445,315 บาทด้วย
ข้อเท็จจริงนี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบฐานข้อมูลคดีร่ำรวยผิดปกติ ของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า ในช่วงปี 2566 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด นายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองปลาหมอ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่า 33,445,315 บาท
ตามรายการดังต่อไปนี้
1. เงินฝาก จำนวน 6 บัญชี รวมเป็นเงิน 32,631,940 บาท ได้แก่
1.1 เงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาหินกอง รวมเป็นเงิน 1,105,540 บาท
1.2 เงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเขตอุตสาหกรรมเหมราช สระบุรี ประเภทเงินฝากสะสมทรัพย์ รวมเป็นเงิน 360,020 บาท
1.3 เงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาหนองแซง ประเภทกระแสรายวัน รวมเป็นเงิน 1,710,000 บาท
1.4 เงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขานิคมอุตสาหกรรมเหมราช สระบุรี ประเภทกระแสรายวัน รวมเป็นเงิน 10,000 บาท
1.5 เงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาหนองแค รวมเป็นเงิน 13,008,371 บาท
1.6 เงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาหินกอง รวมเป็นเงิน 16,438,009 บาท
2. ที่ดิน ตำบลหนองไข่น้ำ และตำบลหนองปลาหมอ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 6 แปลง รวมมูลค่า 813,375 บาท
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้มีอำนาจสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อสั่งให้พ้นจากตำแหน่งภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง และให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปีด้วย
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ปัจจุบันศาล มีคำพิพากษาคดีร่ำรวยผิดปกติของ นายสำเริง เกิดปั้น ไปแล้วหรือไม่
ขณะที่ การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิดยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
ส่วนความผิดคดีแรก กรณีกล่าวหา เรียก รับ เงินส่วนแบ่งจากเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ประจำปี พ.ศ.2554 จากพนักงาน และลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาหมอเท่านั้น
สำนักข่าวอิศรา เคยนำเสนอไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาว่า นายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ มีความผิดตามมาตรา 148
ลงโทษจำคุก 5 ปี
ส่วน นางสาวณัฏฐิรา สีมา หรือ โพธิธรรมสถิต จำเลยที่ 1 ยกฟ้อง
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในส่วนของนายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร จำเลยที่ 2 แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่านายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร ยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร
แต่ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายผลการต่อสู้คดีจะออกมาเป็นอย่างไร
นายพุฒิพงศ์ อยู่ถาวร นับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐอีกหนึ่งราย ที่ต้องประสบวิบากกรรมอันเป็นผลพ่วงมาจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาบทเรียนครั้งสำคัญ ของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไปอีกหนึ่งกรณี เหมือนอีกหลายรายที่เคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้