"...ขณะที่ข้อต่อสู้ของ นายสำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกอบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 1 ศาลฯ ระบุว่า ไม่มีน้ำหนักพอที่รับฟังได้ อาทิ การเชื่อโดยสุจริตใจว่า ได้มีการดูแลกลั่นกรอง และแนวปฏิบัติในรายละเอียดที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง หรือ การที่จะกล่าวอ้างว่า ลงลายมือชื่อตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาตามลำดับชั้น เพราะเชื่อว่าได้มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยไม่ตรวจสอบเพื่อให้จำเลยพ้นจากความรับผิดหาได้ไม่ ..."
กรณีเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาคดีกล่าวหา นายสำเริง แหยงกระโทก หรือ "หมอแหยง" อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา กับพวก ทุจริตโครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก หลายโครงการ โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามภารทุจริต 1 ภาค 3 เป็นโจทก์ฟ้องแทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยคดีนี้มีจำเลย 18 ราย นายสำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกอบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 1 ถูกพิพากษาลงโทษ จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 25 ปี นายนริศ เรืองธนานุรักษ์ รองนายก อบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 12 ถูกพิพากษาลงโทษ จำคุก 12 ปี 16 เดือน ส่วน นายอภิวัฒน์ พลสยม ปลัด อบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 11 ศาลฯ ยกฟ้อง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า จากการตรวจสอบยืนยันข้อมูลคำพิพากษาคดีนี้ พบว่า เหตุเกิดในช่วงระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ถึงปิงบประมาณ พ.ศ. 2553 อบจ.นครราชสีมา ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุกใช้งบประมาณตามข้อบัญญัติ อบจ.นครราชสีมา เรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปิงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยวิธีสอบราคา รวม 6 โครงการ โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 18 ร่วมกันกระทำผิดสมคบคิดกันรู้เห็นเป็นใจ ร่วมกันกระทำผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และ/หรือในฐานะผู้สนับสนุน ต่างกรรมต่างวาระกันโดยกระทำผิดในแต่ละโครงการ
- คุก 25 ปี! 'สำเริง'อดีตนายกอบจ.โคราช ทุจริตถนนหินคลุก 'นริศ' รองฯ-จนท.-เอกชนโดนโทษเพียบ
- เจอทุจริต 6 โครงการ! เบื้องลึกคดีถนนหินคลุก อบจ.โคราช 'สำเริง' อดีตนายกฯ คุก 25 ปี
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดข้อมูล 6 โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก ของ อบจ.นครราชสีมา และพฤติการณ์ความผิดโดยสรุปในคดีนี้
6 โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก ได้แก่
1. โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก บ้านโคกวงวัน หมู่ที่ 4 ตำบลหนองยาง เชื่อมตำบลพระพุทธ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 756/2552 ลงวันที่ 15 กันยายน 2552 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชพัฒนะ จำเลยที่ 16 และ นายสนอง ศรีทรัพย์ หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชพัฒนะ จำเลยที่ 13 เป็นผู้รับจ้าง
2. โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก บ้านโคกน้อย หมู่ที่ 10 ตำบลดอนตะหนิน อำเภอบัวใหญ่ เชื่อมตำบลโนนตาเถร อำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 817/2552 ลงวันที่ 22 กัยยายน 2552 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนนวพร จำเลยที่ 17 และ และ นายบุรี มะลิวัลย์ หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนนวพร จำเลยที่ 14 เป็นผู้รับจ้าง
3. โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก บ้านแสนสุข หมู่ที่ 14 ตำบลหนองบุนนาก เชื่อมเขตตำบลหนองตะไก้ อำเภอหน่องบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 818/2552 ลงวันที่ 22 ก.ย.2552 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนนวพร จำเลยที่ 17 และ นายบุรี มะลิวัลย์ หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนนวพร จำเลยที่ 14 เป็นผู้รับจ้าง
4. โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก บ้านโนนทรายทอง หมู่ที่ 12 ตำบลสีสุข เชื่อมตำบลหนองหญ้าขาว อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 824/2552 ลงวันที่ 23 ก.ย. 2552 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชพัฒนะ จำเลยที่ 16 และ นายสนอง ศรีทรัพย์ หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชพัฒนะ จำเลยที่ 13 เป็นผู้รับจ้าง
5. โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก บ้านหนองหญ้าขาว หมู่ที่ 5 ตำบลสำพะเนียง เชื่อมตำบลโดนประดู่ อำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 842/2552 ลงวันที่ 25 ก.ย.2552 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ประภารุ่งเรืองก่อสร้าง จำเลยที่ 18 และ นางสาวพัชรี ประภาภูวมาส หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ประภารุ่งเรืองก่อสร้าง จำเลยที่ 15 เป็นผู้รับจ้าง
6. โครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุก บ้านหนองละหาน หมู่ที่ 11 ตำบลละหานปลาค้าว เชื่อมเขตตำบลดอนมัน อำเภอเมืองยาง จัวหวัดนครราชสีมา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 622/2552 ลงวันที่ 1 ก.ย.2552 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชพัฒนะ จำเลยที่ 16 และ นายสนอง ศรีทรัพย์ หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชพัฒนะ จำเลยที่ 13 เป็นผู้รับจ้าง
สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีนี้ นั้น
โครงการที่ 1-5 มีพฤติการณ์เดียวกัน กล่าวคือ การก่อสร้างถนนดังกล่าว จะต้องดำเนินการปรับสภาพพื้นถนนเดิม เสริมงานดินถมงานดินลูกรังและลงหินคลุก แต่ผู้รับจ้างมิได้ทำงานในส่วนของการถมดินอันเป็นขั้นตอนแรก
ขณะที่ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ได้ตรวจรับงาน ระบุว่าผลการตรวจรับจ้างว่า ผู้รับจ้างดำเนินการจ้างเรียบร้อยตามสัญญาทุกประการ บางโครงการระบุว่ามีความล่าช้า ประมาณ 4 วัน ก่อนที่ อบจ.นครราชสีมา จะเบิกจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างตามสัญญา
แต่ต่อมา นายสำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกอบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 1 จะใช้อำนาจอนุมัติให้แก้ไขสัญญารายละเอียดงานการก่อสร้างงาน ทั้งที่ครบกำหนดตามสัญญาไปแล้ว อีกทั้งในการเสนอขอแก้ไขยังได้ตัดเนื้องานดินถมที่ผู้รับจ้างมิได้ก่อสร้างไว้ และเปลี่ยนเป็นเนื้องานปริมาณความยาวของถนนเพื่อให้ตรงกับที่รับจ้างทำการก่อสร้างไว้ อันเป็นการช่วยเหลือให้ผู้รับจ้างมิต้องก่อสร้างงานตามสัญญา และยังได้กำหนดขยายระยะเวลางานตามสัญญา ออกไปอีก ทั้งที่กำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างตามสัญญาเดิมสิ้นสุดไปแล้ว เพื่อช่วยเหลือมิให้ผู้รับจ้างต้องชำระค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้า
ส่วนโครงการฯ ที่ 6 เป็นกรณีคณะกรรมการตรวจการจ้าง ไม่ได้ประชุมเพื่อพิจารณาและมีความเห็นเกี่ยวกับการตรวจจ้างงานในโครงการฯ ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ามีการตรวจการจ้างงานแล้ว
@สำเริง แหยงกระโทก
ข้อต่อสู้ "หมอแหยง"
ขณะที่ข้อต่อสู้ของ นายสำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกอบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 1 ศาลฯ ระบุว่า ไม่มีน้ำหนักพอที่รับฟังได้ อาทิ การเชื่อโดยสุจริตใจว่า ได้มีการดูแลกลั่นกรอง และแนวปฏิบัติในรายละเอียดที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง หรือ การที่จะกล่าวอ้างว่า ลงลายมือชื่อตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาตามลำดับชั้น เพราะเชื่อว่าได้มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยไม่ตรวจสอบเพื่อให้จำเลยพ้นจากความรับผิดหาได้ไม่
ไฉนปลัด อบจ. รอดคนเดียว
สำหรับ นายอภิวัฒน์ พลสยม ปลัด อบจ.นครราชสีมา จำเลยที่ 11 ในคดีนี้ ที่ศาลฯ ยกฟ้องนั้น
คำพิพากษาคดีนี้ ระบุไว้ว่า ในทางไต่สวน ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 11 มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวนี้แต่อย่างใด จำเลยที่ 11 เป็นเพียงผู้ลงชื่อผ่านเอกสารตามหน้าที่เท่านั้น ทั้งจำเลยที่ 11 ได้ให้การร้องทุกข์กล่าวโทษการก่อสร้าง 6 โครงการ ถ้าหากจำเลยที่ 11 มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 กับพวก คงไม่ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ตนเองต้องได้รับโทษ
พยานหลักฐานชั้นไต่สวนจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 11 กระทำความผิดตามฟ้อง
นอกจากนี้ ระหว่างการพิจารณา นายชัยเกียรติ เกษรบัวทอง จำเลยที่ 2 เสียชีวิต สิทธิการดำเนินคดีอาญา ระงับไป ศาลสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอในโอกาสต่อไป