"...ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 นานเศรษฐาได้ประกาศว่าตนได้สมัครเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว ต่อมาในเดือนมีนาคมปี 2566 พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งเป็น 'ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวของพรรคเพื่อไทย' โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับแพทองธาร ชินวัตร จากนั้นนายเศรษฐาได้ลาออกจากแสนสิริ โดยไม่รับเงินเดือน พร้อมโอนหุ้นที่เคยถืออยู่ในบริษัทจำนวน 13 แห่ง ให้บุคคลอื่น รวมถึงชนัญดา บุตรคนเล็กของนายเศรษฐา ..."
ณ เวลา 16.50 น. วันที่ 22 ส.ค.2566 หลังใช้เวลาลงคะแนนกันไปกว่า 1 ชม.ครึ่ง ผลการลงคะแนนปรากฎว่าได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเกินครึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาคือ 374 เสียงแล้ว ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงคะแนนให้ถึง 127 เสียง
หากไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย กำลังจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ประเทศไทย เป็นที่แน่นอน
อย่างไรก็ดี เพื่อให้สาธารณชน ได้ทำความรู้จักกับว่าที่นายกรัฐมนตรี คนใหม่ ที่ชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน มากขึ้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลประวัติโดยสังเขปและข่าวที่เกี่ยวข้องกับ 'เศรษฐา ทวีสิน' ในช่วงที่ผ่านมา มานำเสนอ ณ ที่นี้อีกครั้ง
นายเศรษฐา ทวีสิน ชื่อเล่น นิด เกิดวันที่ 15 ก.พ. 2505 เป็นบุตรคนเดียวของ ร.อ.อำนวย ทวีสิน กับชดช้อย จูตระกูล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านชีวิตครอบครัว
นายเศรษฐา สมรสกับ ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามด้านผิวพรรณ มีบุตร 3 คน คือ ‘น้อบ’ นายณภัทร ทวีสิน, ‘แน้บ’ นายวรัตม์ ทวีสิน และ ‘นุ้บ’ นางสาวชนัญดา ทวีสิน
บทบาททางการเมือง
ในการชุมนุม พ.ศ. 2556–2557 นายเศรษฐาแสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติการณ์ของ กปปส.ต่อมาหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งเรียกให้เขาไปรายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ หลังจากนั้นเมื่อเกิดการระบาดทั่วของโควิด-19 และการประท้วงซึ่งนำโดยกลุ่มเยาวชน เป็นอีกครั้งที่ นายเศรษฐาได้วิจารณ์การบริหารสถานการณ์ดังกล่าวของรัฐบาล
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 นายเศรษฐาได้ประกาศว่าตนได้สมัครเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว ต่อมาในเดือนมีนาคมปี 2566 พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งเป็น 'ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวของพรรคเพื่อไทย' โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับแพทองธาร ชินวัตร จากนั้นนายเศรษฐาลาออกจากแสนสิริ โดยไม่รับเงินเดือน พร้อมโอนหุ้นที่เคยถืออยู่ในบริษัทจำนวน 13 แห่ง ให้บุคคลอื่น รวมถึงชนัญดา บุตรคนเล็กของนายเศรษฐา
ข้อมูลด้านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบการโอนหุ้นของนายเศรษฐา เมื่อวันศุกร์ที่ 3 มี.ค.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ได้โอนหุ้น บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น จำนวน 9,998 หุ้น ไปให้นายนพพร บุญถนอม กรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด เกิดขึ้นหลังปรากฎเป็นข่าวเจ้าตัวให้สัมภาษณ์สื่อว่าขอเป็นนายกรัฐมนตรีตำแหน่งเดียว ตำแหน่งอื่นไม่เอา เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2566 หรือ เพียง 1 วันหลังประกาศความชัดเจนต่อสาธารณะ
- ‘เศรษฐา ทวีสิน’ โอนหุ้น บ.ลงทุนส่วนตัวให้ กก.แสนสิริ หลังประกาศขอนั่งนายกฯ-รอชี้แจง (1)
- จะไปเข้าการเมือง! ‘เศรษฐา’ แจงอิศรา ปมโอนหุ้นบ.ลงทุนส่วนตัวให้ กก.แสนสิริ (2)
- ส่อง บ.ศุภสิริฯ‘เศรษฐา’! โดนริบ 51 ล. หลังยกเลิกสัญญาซื้อขายเงินลงทุน 240 ล. (3)
- จำไม่ได้นานมากแล้ว! 'อิศรา' ถาม 'เศรษฐา' แจงปมโดนริบ 51ล.เลิกสัญญาซื้อขายเงินลงทุน 240 ล. (4)
ทั้งนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจและยังไม่มีคำชี้แจงเป็นทางการจาก นายเศรษฐา คือ ในช่วงปี 2562 บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย "เงินลงทุน" กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่งวงเงิน 240 ล้านบาท จ่ายมัดจำ 51 ล้านบาท ต่อมายกเลิก ยอมถูกริบ 51 ล้านบาท ไม่เอาความกัน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามนายเศรษฐาเกี่ยวกับประเด็นข้างต้น ในวันลงพื้นที่หาเสียงบริเวณ ณ ลานกีฬาสมาพันธ์แฟลตคลองจั่น ซอยนวมินทร์ 6 เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 ปรากฏรายละเอียดคำชี้แจงของ นายเศรษฐา ดังต่อไปนี้
อิศรา: ข้อมูลการสัญญาจะซื้อจะขาย "เงินลงทุน" มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ทำไมถึงโดนริบเงิน 51 ล้านบาท ?
นายเศรษฐา: "คือเราไปวางมัดจำไว้แล้วเราไม่เอาเท่านั้นเอง เราทิ้งไปเท่านั้นเอง"
อิศรา: บอกได้ไหมว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ทำสัญญา ด้วย คือบริษัทอะไร ?
นายเศรษฐา: "จำไม่ได้ นานมากแล้ว"
"เราไปวางซื้อที่แล้วเราอาจจะไม่ดีหรือไม่ผ่านกระบวนการการตรวจสอบให้ดี เราก็ยอมทิ้งมัดจำไป เป็นธุรกิจธรรมดา"
อิศรา: เรื่องการจัดการทรัพย์สินก่อนเข้าการเมืองดำเนินการเรื่องอะไรไปแล้วบ้าง?
นายเศรษฐา: "ก็ว่าไปตามกฎหมาย อย่างผมก็โอนให้ลูกสาวไปแล้ว"
อิศรา: แล้วทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น ที่ดิน?
นายเศรษฐา: "ไม่มีครับ"
"อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น อยู่ชื่อใครก็อยู่ชื่อนั้นอยู่แล้ว"
ล่าสุด ก่อนการประชุมโหวตนายกรัฐมนตรี รอบ 3 นายเศรษฐา ทวีสิน และ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ อดีตนักการเมืองและอดีตนักธุรกิจสีเทาเจ้าของอาบอบนวดชื่อดัง ที่ออกมาแฉข้อมูลเรื่องความไม่โปร่งใสในการซื้อขายที่ดินเรื่องการเลี่ยงภาษี และการตั้งนอมินี อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน และ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็ชี้แจงและโต้ตอบข้อมูลของนายชูวิทย์ ว่าดำเนินการธุรกิจด้วยความโปร่งใสถูกต้อง ไม่มีพฤติการณ์ตามที่นายชูวิทย์กล่าวหา
เหล่านี้ คือ ประวัติและข้อมูลข่าวโดยสังเขปของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
เส้นทางก้าวเดินบทถนนสายการเมือง ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นับจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
สำนักข่าวอิศรา จะคอยติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง