นายอนุทินกล่าวถึงการเลี้ยวกลับของนโยบายของประเทศไทยดังกล่าวนี้ โดยยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้นเป็นการยึดโยงกับหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพราะความกลัวความไม่พอใจของนักท่องเที่ยวจีน และยังกล่าวต่อไปอีกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทยนั้นมีแอนติบอดีต้านโควิดแล้ว ไม่ว่าจะมาจากทั้งการฉีดวัคซีนและจากการติดเชื้อ
สิ่งหนึ่งที่มีการคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นกลไกการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ก็คือการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน
อย่างไรก็ตาม มีบทวิเคราะห์จากสำนักข่าว CNBC ของสหรัฐอเมริกาที่คาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางและความกังวลในประเด็นนักท่องเที่ยวจีนที่มีโอกาสเดินทางมายังต่างประเทศหลังจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิดในประเทศจีน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
ในการสำรวจเมื่อปี 2565 หรือปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนบอกว่าพวกเขามีความสนใจที่จะเดินทางไปยังประเทศในทวีปยุโรป ประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีใต้ เป็นอันดับต้นๆ
ทว่าในเวลานี้ ประเทศเหล่านี้กลับไม่ใช่แหล่งที่หมายของนักท่องเที่ยวจีน อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานี้
ด้วนสาเหตุว่ามีการออกมาตรการการจำกัดการเดินทาง ประเด็นเรื่องวีซ่า ระเบียบการการเข้าประเทศที่มุ่งเน้นไปยังชาวจีนโดยเฉพาะ
นี่จึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งว่าทำไมช่วงวันหยุดตรุษจีนที่เพิ่งจะสิ้นสุดไปเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา นักเดินทางจากประเทศจีนจึงให้ความสนใจและเลือกที่จะเดินทางมายังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อพักผ่อนในช่วงวันหยุด ตามรายงานของเว็บไซต์หน้าภาษาจีน Trip.com ชื่อว่า Ctrip ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการจองการเดินทางท่องเที่ยว
รายงานการท่องเที่ยวจาก Ctrip ระบุว่าชาวจีนได้จองทริปการท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 640 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงวันหยุดเวลาเดียวกัยในปี 2565 และแน่นอนว่ากรุงเทพ,สิงคโปร์,กรุงกัวลาลัมเปอร์,เชียงใหม่,กรุงมะนิลา และบาหลี ยังคงเป็นสถานที่ปลายทางยอดนิยม
Ctrip ระบุต่อไปว่าการจองโรงแรมในต่างประเทศโดยชาวจีนนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเช่นกันเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา แต่ว่าหนึ่งในสถานที่ปลายทางที่ถูกจองโรงแรมกันมากที่สุดสำหรับชาวจีนนั้นก็คือกรุงเทพ โดยมีรายงานว่ายอดจองโรงแรมในกรุงเทพเพิ่มขึ้นมากถึง 33 เท่า
@สถานที่ยอดนิยมสำหรับทัวร์จีน
ประเทศไทยยังคงเป็นตัวเลือกแรกๆสำหรับทัวร์จีน ณ เวลานี้ ตามการให้สัมภาษณ์ของนายโทมัส ลี ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจระหว่างประเทศของกลุ่มบริษัท Trip.com
นายลีกล่าวต่อไปว่าตามข้อมูลของ Ctrip พบว่ากรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปแรกที่ใช้บริการกับบริษัทนั้นได้เริ่มออกจากประเทศเมื่อวันที่ 7 ก.พ. พร้อมด้วยนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางมายังกรุงเทพ และเมืองชายหาดยอดนิยมอย่างพัทยาที่อยู่ใกล้ๆกัน
ขณะที่เป้าหมายรองลงมาสำหรับกลุ่มทัวร์จีนก็ได้แก่ประเทศมัลดีฟส์ และประเทศอียิปต์ตามลำดับ
โดยมีรายงานว่าประเทศจีนได้กลับมาจัดกรุ๊ปทัวร์อีกครั้งโดยบริษัทนำเที่ยวต่างๆ โดยเริ่มจัดทัวร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 ก.พ. กรุ๊ปทัวร์จีนที่ว่ามานี้ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยัง 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมไปถึงประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นประเทศไทย,อินโดนีเซีย,กัมพูชา,ฟิลิปปินส์ และลาว ส่วนในภูมิภาคอื่นๆก็ได้แก่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ ฮังการี คิวบา และรัสเซีย
ส่วนการจัดกรุ๊ปทัวร์ไปญี่ปุ่น,เกาหลีใต้ และเวียดนาม ยังไม่ได้รับอนุญาต ณ เวลานี้
@ทำไมประเทศไทยถึงเป็นแหล่งยอดนิยม
เหตุผลหลักๆที่นักท่องเที่ยวจีนได้เลือกประเทศไทยนั่นก็เป็นเพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เข้าถึงง่ายสำหรับพวกเขา ตามคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีไทยที่ให้กับรายการ Squawk Box Asia ซึ่งเป็นรายการข่าวธุรกิจของ CNBC
นายอนุทินกล่าวต่อไปว่าในช่วงท้ายที่สุดแล้ว เราก็สามารถจะเปิดประเทศของเราด้วยข้อจำกัดที่ต่ำมาก
“ประเทศไทยได้พยายามในทุกวิถีทางที่จะทำให้มั่นใจได้ว่านักท่องเที่ยวจีนของเรารวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกจะสามารถมายังประเทศไทยในช่วงวันหยุดได้” นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ในช่วงหลังจากวันที่จีนผ่อนคลายมาตรการพรมแดนเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประกาศว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาทั้งหมดจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อจะเข้าประเทศได้
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันหลังจากนั้นทางการไทยได้ยกเลิกกฎดังกล่าว ซึ่งในช่วงเวลานั้นประเทศจีนเริ่มที่จะแสดงความไม่พอใจต่อหลายประเทศแล้ว เนื่องจากว่าหลายประเทศได้มีการออกมาตรการใหม่ๆออกมาที่มุ่งเน้นไปยังชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศโดยเฉพาะ
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ยอมรับว่านักท่องเที่ยวจีนนั้นสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (อ้างอิงวิดีโอจาก CNBC)
นายอนุทินกล่าวถึงการเลี้ยวกลับของนโยบายของประเทศไทยดังกล่าวนี้ โดยยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้นเป็นการยึดโยงกับหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพราะความกลัวความไม่พอใจของนักท่องเที่ยวจีน และยังกล่าวต่อไปอีกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทยนั้นมีแอนติบอดีต้านโควิดแล้ว ไม่ว่าจะมาจากทั้งการฉีดวัคซีนและจากการติดเชื้อ
รองนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวต่อไปว่าเขาคาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างน้อยก็ประมาณ 30 ล้านคน โดย 12-15 ล้านคน น่าจะมาจากประเทศจีน
“นักท่องเที่ยวจีนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเรา” นายอนุทินกล่าว
อนึ่งไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจีนเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่เลือกประเทศไทยเป็นจุดพักผ่อน เพราะยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศรัสเซีย ซึ่งในปี 2562 พบว่านักท่องเที่ยวจากรัสเซียอยู่ในอันดับที่ 7 ในสัดส่วนตลาดการท่องเที่ยวไทย แต่ว่าในเดือน พ.ย. 2565 สัดส่วนนี้ก็เปลี่ยนไป โดยสัดส่วนนักท่องเที่ยวรัสเซียพุ่งขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 3 ตามหลังนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและอินเดีย
โดยนายยุทธศักดิ์ ศุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวไทย (ททท.) ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สเอาไว้ว่าจากข้อมูลในปลายปี 2565 พบว่าแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวรัสเซียนั้นได้แก่ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้การเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสำหรับชาวรัสเซียนั้นถือว่าเป็นข้อจำกัดอย่างยิ่งในปี 2565 เมื่อหลายประเทศได้หยุดการเดินทางทั้งเข้าและออกจากรัสเซีย หลังจาเกิดการรุกรานยูเครนขึ้น
นักท่องเที่ยวจีนได้โอกาสเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี (อ้างอิงวิดีโอจากเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
@ข้อกังวลสูงสุด
“ณ ปัจจุบันนี้ ประเด็นที่เป็นที่น่ากังวลสูงสุดสำหรับลูกค้า ก็คงเป็นเรื่องวีซ่า” นายลีจาก Trip.com กล่าว
โดยนักท่องเที่ยวจีนนั้นถูกบล็อกไม่ให้ได้วีซ่าเพื่อเดินทางไปยังประเทศเช่นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศนี้หยุดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดในประเทศจีน ขณะที่ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้ประกาศว่าจะยังคงดำเนินการให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับวีซ่าระยะสั้น ตามการรายงานข่าวของรอยเตอร์ส
ส่วนในที่อื่น นักท่องเที่ยวจีนก็ต้องเผชิญกับปัญหากระบวนการรอคอยวีซ่าที่ค่อนข้างยาวนานเพราะว่ามีความต้องการที่สูง โดยในช่วงก่อนโรคระบาดกระบวนการทำเรื่องขอวีซ่าเข้าสหภาพยุโรปจะใช้เวลาไม่กี่วัน แต่ตอนนี้กระบวนการทำเรื่องกลับใช้เวลานานถึง 2 เดือน ตามข้อมูลของเว็บไซต์ SchengenVisaInfo.com
นายลีกล่าวต่อไปว่านอกเหนือจากประเด็นเรื่องวีซ่าแล้ว ชาวจีนยังคงเป็นกังวลว่าพวกเขาอาจจะป่วยจากการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นเหตุทำให้กลุ่มทัวร์โดยมากที่มาจองทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศนั้นจะเป็นผู้ที่เกิดในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1980- ก่อน ค.ศ.2000 เสียเป็นส่วนใหญ่
@ราคาอาจจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ประเด็นเรื่องราคาการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอาจจะเป็นข้อกังวลน้อยกว่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนบางส่วน
โดยรายงานจากบริษัท มอร์แกน สแตนลีย์ เป็นบริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลก มีที่ตั้งอยู่ที่มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมายังโรงแรมระดับไฮเอนด์ ซึ่งความสนใจเกี่ยวกับการพักในโรงแรมหรูของนักท่องเที่ยวจีนนั้นพบว่าพุ่งขึ้นจาก 18 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 34 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระหว่างปี 2565-2566 ขณะที่โรงแรมระดับกลางและระดับล่างลงมาพบว่ามีจำนวนเม็ดเงินที่ลดลงเป็นอย่างยิ่งในหลายประเทศ
และยังมีการคาดกันว่านักท่องเที่ยวจะใช้เงินกับการเข้าพักโรงแรมมากขึ้นด้วยเช่นกัน จาก 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2560 ไปอยู่ที่ 20เปอร์เซ็นต์ในปี 2566
โดยข้อมูลจาก Ctrip ระบุว่าราคาโรงแรมในกรุงเทพในช่วงปลายเดือน ม.ค. นั้นพุ่งสูงขึ้นไปโดยเฉลี่ยถึง 70 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน
เรียบเรียงจาก:https://www.cnbc.com/2023/02/14/where-are-chinese-travelers-going-thailand-and-more-in-southeast-asia.html